tororichclub

tororichclub

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

ไม่ต้องรอให้สุขแล้วค่อยให้ เป็นทุกข์ก็แบ่งปันสุขได้...

“เทียนไขที่ติดไฟเล่มเดียวสามารถให้แสงสว่างกับเทียนไขนับพันเล่ม
และแสงไฟจากเทียนไขเล่มเดิมมิได้ริบหรี่ลงเลย
ฉันใดก็ฉันนั้นความสุขก็มิได้ลดน้อยลง เพราะการแบ่งปันให้กันและกัน”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คนที่มีความสุขในชีวิต ไม่จำเป็นจะต้องเผชิญแต่เรื่องดีดีในชีวิตเท่านั้นถึงจะมีความสุขได้ ถึงเป็นเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต คนที่มีความสุขก็หาทางที่จะเผชิญเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมีสติและพยายามค้นหา บทเรียนจากเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นเพื่อนำมาแก้ไขในปัจจุบันเพื่อมิให้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต สิ่งที่คนที่มีความสุขทุกคนความคาดหวังเหมือนกันก็คือ ทุกเรื่องจะต้องจบลงอย่างมีความสุขถ้าเป็นไปได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรหากเรายังจมอยู่ในความทุกข์ จมอยู่ในความผิดหวัง มัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ

          หากลองคิดสักนิดจะเห็นว่าการนำ เหตุการณ์อดีตมาเบียดบังเวลาของวันนี้ทำ ให้วันนี้หมดไปอีกวันอย่างไร้ค่า มันจะเปลี่ยนแปลงปัจจุบันและอนาคตไปได้อย่างไรหากไม่หยุดตัวเองเสียก่อน  จงบอกกับตัวเองว่า “หยุดได้แล้ว” จงยิ้มให้กับตัวเองและบอกกับตัวเองว่า “วันนี้เราจะเริ่มต้นใหม่ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง” จุดจบของเรื่องทุกเรื่องควรเป็นสิ่งที่น่าจดจำและน่าประทับใจครับ วันนี้นอกจากต้องเริ่มทำตัวเองให้มีความสุขแล้ว ยังจะต้องทำให้คนรอบข้างของเรามีความสุขจากรอยยิ้มของเราด้วยเช่นกัน อย่ามัวรอให้ใครมาสงสาร แต่จงกล้าที่จะแสดงความเข้มแข็งและความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราออกมา จงเปลี่ยนคำว่า “สงสาร” มาเป็น “ชื่นชม” ในความเข้มแข็ง ลุกขึ้นยืนหยัดจะดีกว่ามั๊ย? ความสุขที่แท้จริง มันควรเป็นสิ่งที่ทุกคนมีส่วนร่วม ได้รับรู้และจดจำไปได้นานเท่านาน เมื่อเราก้าวเดินออกมาจากความทุกข์เสียได้ด้วยตัวเราเอง เราถึงจะสามารถที่จะเริ่มแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความคิดที่ดีจากการล้มลงของเราในคราวนั้น การพูดในสิ่งที่ดี การทำในสิ่งที่ดี ย่อมทำให้ผู้อื่นได้รับความสุขจากพฤติกรรมเชิงบวกนี้ไปด้วย อัลเบิร์ต คามัสกล่าวไว้ว่า “มนุษย์ทุกคนมีความหวานแหววอยู่ในตัวเอง สิ่งนั้นนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาก้าวเดินต่อไป”

เมื่อความสุขเข้ามาแทนที่ ความโกรธ ความเกลียด ความริษยาก็จะจางหายไป ความรัก ความเข้าใจ ความชื่นชมก็จะเข้ามาแทนที่ในจิตใจของผู้ที่ได้รับความสุขจากเรา ความเมตตากรุณา เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ได้สั่งสอนพวกเรามาตลอด มันคือวิธีหนึ่งที่จะทำให้ผู้อื่นมีความสุขจากการแบ่งปันของคุณ ความเมตตากรุณาไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในรูปของเงินทอง ทรัพย์สิน  แต่อยู่ในรูปของการกระทำซึ่งออกมาจากจิตใจที่ดีงามของคุณ ถ้าคุณรู้จักนำสิ่งนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างต่อเนื่องแล้ว พลังอุปนิสัยในการสร้างความสุขก็จะสร้างเสริมซึ่งกันและกัน และทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นไป โดยที่คุณไม่ต้องรอคำอวยพรจากใครเลย เพราะคุณได้ค้นพบความสุขที่อยู่ในจิตใจของคุณแล้ว คุณได้นำมันออกมาจากด้านมืดแล้ว คุณคือแสงสว่างแห่งความสุขในตัวคุณ คุณคือผู้ปลดปล่อยความสุขออกมาให้กับคนรอบข้าง คุณคือแสงชี้นำที่คอยจุดแสงสว่างแห่งความสุขให้กับผู้อื่นๆ อีกจำนวนมาก

วันนี้ผมเชื่อมั่นว่าคุณรู้แล้วว่า ชีวิตของคุณมีคุณประโยชน์ต่อคนนับร้อยนับพันเพียงไร คุณคือผู้ที่มีความสุขที่ทุกคนต้องการอยากเป็น แต่เป็นไม่ได้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร คุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชี้แนะและแบ่งปันให้เขามีความสุขเช่นที่คุณเป็น ยิ่งคุณแบ่งปันเคล็ดลับแห่งความสุขให้กับผู้อื่นมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เพราะธรรมชาติของความสุข มันเป็นเช่นนั้นเอง

บทความ : คุณสมพงษ์  อยู่สุนทร
ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.slideshare.net/bright9977
.......................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น