tororichclub

tororichclub

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดวง 12 ราศี เดือน ธันวาคม 2555


ราศีเมษ 13เมษา-13พฤษภาคม
ทั่วไป คุณยังคงทำตัวสบายๆให้ครรอบข้างเห็นอยู่แม้ว่าจะเริ่มเครียดกับการเงินแล้วก็ตาม
การเงิน ควรระวังการใช้จ่ายในเดือนนี้เพราะว่าคุณนั้นอาจกดดันจากการที่ต้องประหยัดจึงใช้จ่ายอย่างมากไปในการแก้เครียดและเรื่องของสวยงามจะยิ่งช๊อตมากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในที่อยู่อาศัยอีกด้วย
การงาน ที่ทำงานของตนเองงานจะมีความก้าวหน้าขยายตัวแน่แต่ว่าจะต้องอดทนอย่างมากหน่อยช่วง2-3เดือนนี้ / คนที่เป็นลูกจ้างนั้นต้องขยันโชว์ความสามารถจะก้าว่หน้าแน่แต่ว่าหลังสงกรานต์ปีหน้า 
ความรัก คนโสดจะมีคนมาคุยด้วยไม่เหงาหรอกแต่อย่าหวังาเรื่องการคบแบบเปิดเผยเขายังไม่พร้อม / คนมีคู่ความรักเริ่มมีการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นรู้สึกคาดหวังกับเขาได้มากกว่าเดิม
สุขภาพ ระวังจะอ้วนซึ่งลดยากมากสำหรับคุณ ระวังโคเรสเตอรอลด้วย

ราศีพฤษ14พฤกษภาคม - 14 มิถุนายน
ทั่วไป คุณจะมองทุกอย่างตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คิดและพูดตรงๆซึ่งทำให้คนมองว่าคุณเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ดังนั้นระวังคำพูดอย่าตรงจนเกินไป
การเงิน พอผ่านกลายเดือนไปแล้วจะเห็นว่าเงินเริ่มเข้ามาพอให้หายใจได้จะยิ่งเห็นได้ชัดในคนที่มีงานพิเศษหรือมีงานนอก / ส่วนคนที่ทำงานประจำจะเริ่มคิดอยากออมเงิน
การงาน ที่ทำงานประจำคุณจะได้เรียนรู้งานมากขึ้นทั้งเป็นในแง่การสอนเขาหรือมีอบรมสัมนา / คนมี่ทำกิจการของตนเอง การเงินจะผันผวนมาก จนคิดว่าตายแน่ๆแต่กลับมีเงินเข้ามาช่วยชีวิตในนาทีสุดท้ายตลอด
ความรัก คนมีคู่รักเขาจะเริ่มจริงจังต่อคุณมากขึ้นมีการเรียนรู้นิสัยกัน ที่แต่งงานแล้วก็มีทะเลาะและคืนดีกันเป็นรอบๆซึ่งจะยิ่งทำให้เข้าใจกันมากกว่าเดิม / คนโสด เห็นคนทะเลาะกันทำให้ไม่อยากมีคู่บ้างเป็นบางครั้งแต่ก็มีคนเข้ามาคุยให้ไม่เหงามาก
สุขภาพ ระวังอย่าทานอาหารแต่เนื้อสัตว์เพราะในเดือนนี้จะธาตุแข็งขับถ่ายลำบากกว่าปกติ

ราศีเมถุน14มิถนายน-15กรกฏาคม
ทั่วไป จะหมือนทุกขลาภเวลาจะได้อะไรแต่ล่ะอย่างเข้ามาคุณต้องมี่เรื่องให้ฝ่าฟันก่อนประจำจนท้อใจ
การเงิน จะเครียดในเรื่องการเงินมีค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดบ่อยๆ แต่หลักๆที่เห็นคืออาจต้องจ่ายไปในเรื่องที่อยู่อาศัย หรือซ่อมของใช้ แต่ว่ายังคงมาหาทันเรียกว่ารอดตายแบบฉิวเฉียดประจำ ผ่านวันที่10ไปแล้วจะดูการเงินนั้นไม่น่าเครียดเหมือนที่ผ่านมา
การงาน คนที่ทำกิจการของตนเองมีโอกาสการงานที่ดีรออยู่ในอนาคตแม้ว่าตอนนี้การตอบรับไม่ดีก็อย่าเพิ่งเลิกไปส่งผลปีกลางปีหน้าค่ะ / ที่เป็นลูกจ้างอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใครตั้งใจทำหน้าของคุณให้ดีเพราะอนาคตสดใสทางการงานมาในทิศทางที่บางครั้งไม่ได้คาดคิดไว้
ความรัก คนโสดจะมีการมองรูปแบบความรักในแง่ร้ยบ่อยไม่คาดหวังอะไรแต่ยืนยันได้ว่ามันจะดีกว่าที่คุณคิดเอาไว้แน่ / คนมีคู่อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งบางทีอาจทำให้พลาดโอกาสดีในความรักที่มีอยู่ได้
สุขภาพ เน้นทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดเพราะในเดือนนี้คุณจะมีปัญหาในช่องท้องบ่อยๆทั้งระบบการย่อยการขับถ่ายและในท่านหญิงจะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูกมากวนใจคุณด้วย

ราศีกรกฏ16กรกฏา-16สิงหาคม
ทั่วไป ระวังเรื่องเอกสารต่างๆให้มากอีกทั้งการรับปากและค้ำประกันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในเดือนนี้
การเงิน คุณตั้งใจอยากจะประหยัดเงินอย่างเต็มที่แต่ว่าก็ยังมีค่าใช้จ่ายเก่าๆในอดีตตามหลังมาให้ต้องจ่ายกันต่อไปอีกทั้งระวังจ่ายเงินไปในเรื่องของความเจ็บป่วยทั้งตัวนคุณและคนในบ้านด้วยค่ะ
การงาน ที่เป็นพนักงานจะเริ่มเข้าตาเจ้านายหลังจากที่นายมองให้คนอื่นทำมานาน ส่วนคนที่ทำกิจการของตนเองนั้นคนจะเข้ามาหาคุณจ่ากความชำนาญความเป็นมืออาชีพของคุณความรัก คนโสดจะเหงาๆบ้างเพราะนึกเปรียบเทียบกับคนที่เขามีรักแต่ว่าคุณเองก็เป็นคนถูกใจคนยากอยู่นะคะ / คนมีคู่จะมีความขัดใจในตัวคนรักเพราะว่าอยากให้เขาเป็นดั่งคุณต้องการ
สุขภาพ ระวังเกี่ยวกับลำไส้ กระดูกและดวงตา

ราศีสิงห์17สิงหาคม-16 กันยายน
ทั่วไป หากพลาดโอกาสเรื่องอะไรไปอย่าเสียใจจะมีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทนเสมอ
การเงิน หากมีปัญหาการเงินคุณสามารถถามหาความช่วยเหลือจากญาติหรือว่าเพื่อนได้ ส่วนโอกาสการเงินที่มาจากการทำงานจะมีเค้าของการได้เงินมากขึ้นแต่คุณต้องหมั่นเก็บด้วย
การงาน หากจะหางานใหม่ควรถามหาจากเพื่อนๆให้ช่วยหาจะง่ายกว่าคุณหาเอง / ที่ทำกิจการของตนเองจะเห็นโอกาสว่าโตขึ้นได้แต่ว่าคุณต้องเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นหญิง
ความรัก คนมีคู่มีโอกาสมีบุตรหรือปรับความเข้าใจกันได้ด้วยดี คุณจะสบายใจในรักมากยิ่งขึ้น / คนโสด จะพบรักได้แบบไม่คาดคิดและเป็นคนที่คุณรู้จักมาแล้วหรือเพื่อนแนะนำให้ 
สุขภาพ ระวังโรคเก่าที่เคยเป็นจะกลับมา สังเกตุได้จากตรงที่ว่า3เดือนก่อนหน้านี้คุณป่วยเป็นอะไรก็ระวังโรคนั้น

ราศีกันย์17กันยายน-16ตุลาคม
ทั่วไป ชีวิตมีความสับสนมากมายหลายๆเรื่องแต่เวลานั้นจะเป็นตัวช่วยให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้นได้
การเงิน จะมีเข้ามาหมุนเวียนให้คุณเริ่มไม่เครียดเหมือนช่วงก่อนแต่ก็เป็นเงินหมุนยังวางใจมากไม่ได้นัก ดวงนี้สังแกตุได้ว่ายิ่งทำบุญยิ่งหมุนเงินง่ายค่ะ
การงาน ระวังความสับสนในเนื้อหางานที่ทำโอกาสที่จะทำงานผิดพลาดนั้นมีสูงต้องระวังโดยเฉพาะเกี่ยวกับการเงินควรใส่ใจเป็นพิเศษ / ที่ทำกิจการของตนเองจะมีเงินเข้ามาหมุนทำให้ไม่เครียดแต่ควรพัฒนางานเพราะงานของคุณนั้นอาศัยลูกค้าบอกต่อ
ความรัก คนโสดจะมีคนออนไลน์มาคุยแก้เหงาแต่ว่าอย่าเพิ่งไปจริงจัง ดวงความรักนั้นมีเสน่ห์มีคนเข้ามาให้เลือกแต่คนเจ้าชู้ก็มีเข้ามาหลายคนด้วย / ที่มีคู่จะมีความรักและความเข้าใจให้กันมากยิ่งขึ้นแต่ก็อดเถียงกันไม่ไดในบางครั้ง
สุขภาพ เริ่มแข็งาแรงแต่ควรออกกำลังกายบ้างเพราะจะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกระดูก

ราศีตุลย์17ตุลาคม-15พฤศจิกายน
ทั่วไป สถานการร์ต่างๆสามารถพลิกโผไปได้จากที่คุณคิดเสมอดังนั้นเตรียมความพร้อมไว้ตลอดโดยเฉพาะเรื่องการเงิน
การเงิน ระยะนี้การหาเงินจะมีแต่เงินเล็กน้อยเข้ามาแต่จ่ายทีเป็นก้อนใหญ่ และคุณจะมีค่าใช้จ่ายแบบไม่คาดคิดเงินขึ้นตลอด ยกเว้นในท่านที่มีการวางแผนต้องจ่ายจะถือว่าแก้เคล็ดไปแล้ว 
การงาน ที่เป็นพนักงานจะมีความรู้สึกว่าทนไม่ไหวอยากลาออกอยากเปลี่ยนงานอย่าใจร้อนโอกาสงได้งานใหม่ยังไม่ชัดเจน / ที่ทำกิจการของตนเองควรตรวจตราลูกน้องเพราะอาจทำอะไรเสียหายให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นได้
ความรัก คนมีคู่จะมีเรื่องผิดหวังในตัวคนรักดังนั้นคนรักรับปากอะไรอย่าหวังมากพลิกโผได้ / คนโสดจู่ๆจะตกหลุมรักใครสักคนแบบไม่ได้คาดคิดซี่งรักครั้งนั้ยังไม่ลงตัว
สุขภาพ ระวังอุบัติเหตุต่ออีกเดือนและระวังปัญหาเกี่ยวกับกระดูก

ราศีพิจิก16พฤศจิกายน-15ธันวาคม
ทั่วไป จู่ๆคุณจะเครียดแบบไม่มีสาเหตุและอยากจะหันหลังให้กับทุกๆคนรอบตัวคุณ
การเงิน จะเหนื่อยเพราะคิดและหาเงินอยู่คนเดียวคนรอบข้างให้ความช่วยเหลือได้ไม่ดีในเท่าไรนัก แต่ในท่านที่ทำงานแก้ไขปัญหาจะมีเงินจากงานตรงนี้เข้ามาเรื่อยๆ
การงาน คนที่เป็นพนักงานจะมีงานเก่าซึ่งอาจเป็นคุณหรือคุณอื่นทำไว้เสียหายให้คุณต้องกลับมาทำซ้ำหรือแก้ไขให้จบเรื่องกันไปรวมทั้งระวังคำพูดในที่ทำงานด้วย / ที่ทำกิจการของตนเองต้องอาศัยลูกค้าขาประจำเท่านั้นในช่วงเวลานี้
ความรัก คนมีคู่จะเริ่มเบื่อหน่ายคู่ของตนเองอยากปลีกตัวห่างๆพักหนึ่งหรืออยากจะเข้าวัดเพื่อปรับอารมณ์ / คนโสด คนที่เข้ามาคุยไม่ใช่คนที่ตรงสเปกนักมีโอกาสที่คุณอยากเลิกคุยเพราะไม่อยากให้เรื้อรังมากกว่านี้
สุขภาพ ระวังระบบปลายประสามเส้นเอ็น อาการจุกเสียดในช่องท้อง

ราศีธนู16ธันวาคม-13มกราคม
ทั่วไป คุณจะเครียดในเรื่องการปรับตัวในหลายๆอย่างเช่นกับผู้คนใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ คนในที่ทำงาน
การเงิน คุณจะหมดเงินไปในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยหลายอย่างซึ่งเกินครึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นในช่วงเวลานี้ในท่านที่มีรถจะจ่ายไปในด้านการดูแลรักษา
การงาน อาจมีปัญหาเกิดขึ้นในสถานที่ๆทำงานซึ่งเป็นลักษณะความกดดันให้คุณต้องทำตามอย่างไม่มีทางเลือก หากมองหางานใหม่จะยังไม่ชัดเจนว่าจะได้หรือไม่ / ที่ทำกิจการของตนเองคุณจะคิดงานใหม่ๆออกมามากมายแต่ต้องทนลุยไปซึ่งการเงินที่ได้นั้นมีเข้ามาช้า
ความรัก คนโสดเป็นลักษณะโสดแต่มีคนคุยด้วยอาจเป็นเพราะคุณยังไม่มีความมั่นใจในตัวคนที่คุยว่าดีพออยากมองหาคนต่อไปเรื่อยๆก่อนนั่นเอง / คนมีคู่คุณจะพยายามที่จะประคองไว้ในความสัมพันธ์ให้ไปรอดอีกทั้งงดเว้นการวิจารณ์เพื่อนและงานของคนรัก 
สุขภาพ ระวังกระดูกขาช่วงบนและระวังระวังอาหารไม่สะอาดซึ่งจะทำให้มีปัญหาผดผื่นและสิวเยอะในช่วงนี้

ราศีมังกร14มกราคม-12กุมภาพันธ์
ทั่วไป คุณจะเหงาคุณจะมีช่วงเหงาๆบ่อยๆแต่ไม่ถึงกับเศร้าแค่ว่าบางครั้งรู้สึกว่าทำไมคุณเหมือนไม่มีใครเป็นบางครั้ง 
การเงิน เงินทองช่วงนี้มีเป็นแบบแค่พอหมุนครั้งต่อครั้งกับหนี้หรือภาระที่มี ควรหางานพิเศษทำซึ่งจะทำให้คุณมีรายได้เพิ่งขึ้นมาดีพอสมควร หายใจคล่องขึ้นในเรื่องเงิน
การงาน พนักงานบริษัทการงานโดดเด่นมากซึ่งมีงานเข้ามาให้คุณทำได้มากมายไม่หยุดจนคุณเองมีความรู้สึกเหมือนทำงานคนเดียวคนอื่นไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ดีนักคุณอยากทำกิจการของตนเองแต่ยังไม่เหมาะในช่วงเวลานี้ / เจ้าของกิจการระยะนี้อาจต้องทนกำไรน้อยๆไว้ก่อนอีกทั้งระวังลูกค้าโกงเงินหรือจู้จี้น่ารำคาญ
ความรัก คนโสดจะเหงาๆเพราะคนที่มีเข้ามาจะยังไม่ถูกใจอีกทั้งดวงการงานโดดเด่นกว่าความรักอย่างมากทีเดียว / ที่มีคู่จะเครียดด้วยกันในเรื่องของเงินทองการวางแผนอนาคตด้านการเงินซึ่งคุณเองอาจเป็นหลักทางการเงินช่วงนี้เลยเครียดบ้าง
สุขภาพ ส่วนมากจะเป็นอารมณืเหงาๆมากกว่าและจิตตกง่ายเป็นบางครั้ง อีกทั้งระวังกระดูกและกล้ามเนื้อเอาไว้ด้วย

ราศีกุมภ์13กุมภาพันธ์-13มีนาคม
ทั่วไป เรื่องราวต่างเป็นอย่างไรก็เป็นต่อไปไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ช่วงนี้
การเงิน เงินทองจัดว่าหมุนคล่องมีค่าใช้จ่ายมากก็หมุนทันจนตัวคุณเองอดประหลาดใจไม่ได้ แล้วก็มีแนวโน้มการซื้อสินค้าเงินผ่อนเกิดขึ้นอีกด้วย
การงาน พนักงานบริษัทจะมีคนให้โอกาสในการทำงานซึ่งต้องนำมาพิจารณาอย่าเพิ่งปัดไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ฟัง / ที่ทำงานของตนเองระยะนี้ดูเห็นว่าการตอบรับจากหลายๆทางค่อนข้างดีทำให้มีกำลังใจมากขึ้นในการลุยทำงาน ควรเสนอความอแปลกใหม่ให้ลูกค้าด้วย
ความรัก คนโสดจะมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาทำท่าจริงจังกับคุณซึ่งคุณอยากลองคุยดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง / คนมีคู่ระยะนี้คนรักมีการปรับตัวเข้าหาคุณเล็กน้อยซึ่งคุณก็พอใจแล้ว
สุขภาพ ระวังเกี่ยวกับโคเรสเตอรอล ความดัน หน้ามืดวิงเวียน (ส่วนปัญหาเรื่องผมนี่ไม่แน่ใจสุขภาพหรือเปล่านะคะ)

ราศีมีน14มีนาคม-12เมษายน
ทั่วไป คุณจะมีการพยายามปรับตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมที่เป็นอยู่
การเงิน หลังจากปัญหาการเงินที่ระส่ำระสายมานานคุณก็เริ่มที่จะมีโอกาสการเงินที่ดีขึ้นกว่าที่ในอดีตแต่ว่าต้องจัดระบบปัญชีใหม่ด้วยจะยิ่งดี ท่านที่มีรถเตรียมเงินไว้ได้เลย
การงาน พนักงานบริษัทนั้นจะเห็นว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในงานที่ทำซึ่งคุณอาจจะรับไม่ค่อยได้งานจะเห็นว่ามากขึ้นกว่าเดิมด้วย / ทำกิจการของตนเองมีโอกาสที่จะขาดทุนควรสำรวจจุดรั่วในกิจการซึ่งมีหลายช่องทางที่เงินไหลออกไป
ความรัก คนมีคู่คุณไม่อยากประคองความรักแล้วจะรักหรือเลิกนั้นแล้วแต่คนรักของคุณแต่กลับกลายว่าพอคุณเลิกยึดติดกลับดีขึ้น / คนโสดหากมีเข้ามาจะเป็นคนอายุมากกว่าหรือคนหัวเก่าหัวโบราณ
สุขภาพ ระวังกระดูกขาและอาการเจ็บคอ กล่องเสียง หรือไม่มีเสียงพูด

Thank : trendytarot
............................................................................................

ขนมจีนน้ำยาป่า


ส่วนผสม
1.เส้นขนมจีน 1.5 กิโลกรัม
2.ปลาช่อน 1 ตัว
3.น้ำ 9 ถ้วยตวง
4.ลูกชิ้นปลาประมาณ 20 ลูก
5.เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
7.ต้นหอมหั่นท่อน 1 นิ้ว 2 ต้น
8.ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ

ส่วนผสมเครื่องแกง
1.พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด
2.พริกแห้งเม็ดใหญ่ 6-7 เม็ด
3.กระเทียมแกะเปลือก 1/3 ถ้วย
4.หอมแดงหั่น 4 หัว
5.กระชายขูดเปลือกหัน 3/4 ถ้วย
6.พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา
7.ข่าแก่หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
8.ตะไคร้ซอย 3 ต้น
9.ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
10.กะปิ 2 ช้อนชา

ผักสดที่ใช้กินแนม
ผักมี ถั่วฝักยาว
แตงกวา
ใบแมงลัก
ผักกระเฉด
ถั่วงอก
หัวปลีซอย
มะระจีนหั่นบางลวก
ก้านผักบุ้งไทยซอยลวก
ผักกาดองหั่น หรือผักสดอื่นๆ
พริกขี้หนูแห้งคั่วสำหรับกินแนม


ขั้นตอนการทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ผ่าท้อง ควักเอาไส้ออก เคล้าเกลือให้ทั่ว ล้างทำความสะอาดจนหมดเมือกคาว พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ ตัดปลาเป็น 3 ท่อน
2. ตั้งหม้อต้มน้ำด้วยไฟปานกลางจนเดือดจัด ใส่เครื่องแกงทั้งหมด ยกเว้นกะปิ ต้มพอเดือดจัด ใส่ปลา ปิดฝา ต้มจนปลาสุก ตักปลาขึ้น กรองน้ำต้มปลาด้วยกระชอน แกะเอาแต่เนื้อปลา
ตักเครื่องแกงพร้อมน้ำที่ต้มปลาเล็กน้อยใส่โถปั่นหรือโขลก ใส่กะปิ โขลกให้เข้ากันจนละเอียด ใส่เนื้อปลา โขลกต่อละเอียด เทใส่ลงในหม้อน้ำที่ต้มปลา ตั้งบนไฟกลางต่อ ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำปลา ชิมรสให้เค็มนำ หวานเนื้อปลา น้ำมีลักษณะข้นเล็กน้อย ใส่ลูกชิ้นปลา ใบมะกรูดต้นหอม ปิดไฟ
3. จัดขนมจีนใส่จาน ราดน้ำยาป่า พร้อมทั้งลูกชิ้นปลา หรือตักน้ำยาใส่ถ้วยต่างหาก
เสิร์ฟพร้อมผักสดและพริกขี้หนูแห้งคั่ว

** เคล็ดลับอยู่ที่ น้ำยาป่า ไม่ใส่กะทิ ลอยหน้าด้วยลูกชิ้นปลา ขึ้นด้วยเนื้อปลา รสเผ็ดกลางๆ
หอมกลิ่นกระชาย เลือกกระชายรากอวบอ้วน ขูดเปลือกออกก่อน ล้างน้ำให้สะอาด
ส่วนลูกชิ้นปลาถ้าจะให้อร่อยควรซื้อเนื้อปลากรายมาโขลกเองจะดีที่สุด เพราะไม่ผสมแป้งมากเหมือนซื้อเขา
.....................................................................................................

เอ็ม บุดด้าเบลส พาหมาจรจัดส่งหมอ แม้ไปคอนเสิร์ตไม่ทัน


ใจบุญ! เอ็ม บุดด้าเบลส พาหมาจรจัดส่งหมอ แม้ไปคอนเสิร์ตไม่ทัน
         ถือเป็นนักร้องหนุ่มใจบุญจริง ๆ เลยจ้า สำหรับ เอ็ม บุดด้าเบลส ซึ่งในขณะที่ เอ็ม กำลังขับรถจะไปเล่นคอนเสิร์ตในงานวันลอยกระทง ที่นครปฐม เอ็ม ก็เห็นสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ถูกรถชนระหว่างทาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงจัดการพาสุนัขไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์นครปฐมเป็นการด่วน แม้ว่าในขณะนั้น คอนเสิร์ตใกล้จะเริ่มแล้วก็ตาม แต่โชคร้ายที่สุนัขตัวนั้นไม่สามารถรอดชีวิตมาได้ เพราะปอดฉีกไปเสียก่อน

         ด้านชาวเน็ตจำนวนมาก ต่างออกมายกย่องการกระทำของเอ็ม ถึงความเสียสละ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทื่มีต่อเพื่อนร่วมโลก โดยเฉพาะที่ เอ็ม ให้ความสำคัญกับชีวิตของสัตว์ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงตัวเองแม้แต่น้อย

Thank : เฟซบุ๊ก F5
...............................................................................................

ความเบื่อหน่าย


เมื่อพยัคฆ์ใหญ่ในกรง
คิดถึงป่าดงอันสุขสบาย
ความเบื่อหน่ายย่อมย่ำยีจิตใจของมัน

เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่ดีหนีได้ก็หนีไป
แต่ถ้าไม่อาจหลักหนี
ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไปเบื่อหน่าย

เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย
อย่าเก็บกดไว้ด้วยการหลอกลวงตนเอง
เพราะยิ่งเก็บกด มันยิ่งทวีกำลังมากขึ้น

อย่ามัวเบื่อหน่ายอยู่เลย
ชีวิตต้องการความสดชื่น เบิกบาน
คิดหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อชีวิตจะดีกว่า

การหาอะไรทำ และทำอย่างตั้งใจ
เพื่อใครสักคน หรือเพื่อคนทั้งมวล
 เป็นวิธีกำจัดเหตุแห่งความเบื่อหน่ายได้ดีที่สุด

Thank : http://happyhappiness.monkiezgrove.com
.....................................................................................................

“ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”

ครั้งหนึ่ง..เคยมีชาวตะวันตก ที่หวังแจ้งเกิดในหลักธรรม 
ได้ยิงคำถามตรงประเด็นแบบไม่ถนอมน้ำใจคนที่ต้องตอบ ว่า..

“ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”

แทนการตอบคำถาม..หลวงพ่อท่านได้ชี้นิ้ว ไปที่ก้อนหินเขื่องบนกระดาน 

“ยกก้อนหินนั้น ขึ้นมาสิโยม”

ฝรั่งนายนั้น ทำตามที่หลวงพ่อบอก

“หนักไหม” ท่านถาม
“หนักครับ” ฝรั่งเจ้าของปุจฉา ที่ตนเองคิดว่าลึกล้ำ ร้องตอบ

หลวงพ่อ จึงไขปริศนาธรรมนั้น ว่า..

“อะไรมันหนัก ก็วางลงเถิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มีเพียงเท่านี้”

หลวงปู่ชา สุภัทโท
..................................................................................................

น้ำส้มสายชู...กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

          "น้ำส้มสายชู" คือ เครื่องปรุงรสเปรี้ยวคู่ครัวที่แทบจะมีติดไว้ทุกบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า..ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู ไม่มีไว้สำหรับปรุงอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่น้ำส้มสายชูยังสามารถใช้ทำอะไรต่าง ๆ ในบ้านได้มากมายจนคุณอาจคาดไม่ถึงเลยล่ะ ไม่ว่าจะใช้แทนน้ำยาทำความสะอาด ขจัดคราบต่าง ๆ เป็นต้น เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากรู้จักกับประโยชน์ของน้ำส้มสายชูให้มากขึ้นล่ะก็ ลองตามไปดูกันเลย

 1. ขจัดคราบในตู้เย็น
          สำหรับปัญหาคราบไคลในตู้เย็นที่คุณแม่บ้านไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี เราแนะนำให้คุณผสมน้ำเปล่า กับน้ำส้มสายชู อย่างละครึ่งถ้วยเข้าด้วยกัน ก็จะได้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดแล้ว ที่เหลือคุณก็แค่นำไปถู ๆ ขัด ๆ ตรงบริเวณที่มีรอยเปื้อนและคราบสกปรกที่เกาะติดอยู่ตามผนัง ประตู ลิ้นชัก และช่องต่าง ๆ ภายในตู้เย็นเท่านั้นเอง 

 2. ทำความสะอาดกาน้ำชาและถ้วยกาแฟ
          หากมีคราบติดอยู่ที่กาน้ำชา ให้ขัดด้วย น้ำส้มสายชูประมาณครึ่งถ้วย ที่ผสมกับเกลือหรือเบกกิ้งโซดา ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ก็จะสะอาดขึ้น สำหรับถ้วยกาแฟ หรือจานชามต่าง ๆ ให้เทน้ำส้มสายชูลงไปในภาชนะเหล่านั้นประมาณ 1 ถ้วยแล้ววางทิ้งไว้ แค่นี้ก็ไม่มีคราบสกปรกหลงเหลือแล้ว

 3. จัดการกับเชื้อรา
          หากห้องน้ำของคุณกำลังโดนเหล่าเชื้อราบุก ไม่ควรนิ่งนอนใจต้องรีบกำจัดออกซะตั้งแต่ตอนนี้เลย โดยการฉีดน้ำส้มสายชูลงไปให้ทั่วทั้งห้องน้ำ รวมทั้งสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ภายในห้องน้ำด้วย ไม่ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า หรือฝักบัว จากนั้นก็เช็ดตามอีกครั้งด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ วิธีนี้ยังสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดคราบเชื้อราในห้องอื่น ๆ ได้อีกด้วย 

 4. แก้ปัญหาชักโครกสกปรก
          ชักโครกที่คุณเห็นว่าสะอาดนั้น จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ได้สะอาดอย่างที่คุณคิด ดังนั้นคุณจึงควรทำความสะอาดด้วยการนำน้ำส้มสายชูกลั่นราดลงไปให้ทั่วชักโครก จากนั้นก็ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง หรือ 1 คืน แล้วขัดคราบสกปรกออกด้วยแปรงขัด เมื่อขัดจนคราบออกหมดแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

 5. ซักผ้าม่านได้ทันใจ
          การทำความสะอาดผ้าม่านนั้นก็ง่าย ๆ แค่เพียงใช้น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเกลือหรือผงเบกกิ้งโซดาประมาณ 1 ส่วน 4 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมทั้งหมด ขัดที่บริเวณที่มีคราบสกปรก แล้วปล่อยทิ้งไว้จนแห้งสนิท จากนั้นก็ใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดสิ่งสกปรกออกอีกครั้ง ทั้งนี้อย่าลืมดูชนิดผ้าของผ้าม่านด้วยนะคะว่า สามารถใช้กับเครื่องดูดฝุ่นได้หรือเปล่า 

 6. ตะไคร่หายเกลี้ยง
          ก๊อกน้ำในห้องครัว ในห้องน้ำ หรือบริเวณโรงรถของคุณ หากไม่ดูแลให้ดีอาจจะมีคราบสีเขียว ๆ หรือตะไคร่น้ำเข้ามาเยี่ยมเยือน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันแขกที่ไม่พึงประสงค์ คุณควรจะเช็ดหัวก๊อกน้ำด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชากับเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ทาลงบนหัวก๊อกให้ทั่วจากนั้นให้ขัดออกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ อย่างเบามือ เท่านี้คราบต่าง ๆ ก็ไม่กล้ามากวนใจคุณแล้ว 

 7. ล้างภาชนะของสัตว์เลี้ยง
          สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นแมว สุนัข หรือสัตว์อื่น ๆ หากปล่อยให้ของใช้ของพวกมันสกปรกก็อาจจะเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นหากคุณพอจะมีเวลาก็ควรนำของใช้ของสัตว์เลี้ยงทั้งถ้วยอาหาร ที่นอน หรือกระบะแมว มาทำความสะอาดบ้าง โดยการนำน้ำส้มสายชูเทลงไปในภาชนะ แล้ววางทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เท่านี้ก็ป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้แล้วล่ะ 

 8. ไมโครเวฟสะอาดสดชื่น
          ถ้าไมโครเวฟของคุณมีกลิ่น หรือเศษอาหารหลงเหลืออยู่ ให้คุณนำน้ำส้มสายชูและน้ำร้อนอัตราส่วน 1 : 1 เทลงไปในถ้วย จากนั้นก็นำไปวางไว้ในไมโครเวฟ ตั้งความร้อนที่ระดับสูงสุด แล้วอุ่นเอาไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้คราบสามารถขจัดออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ใช้ผ้าหรือฟองน้ำเช็ดคราบสกปรกในไมโครเวฟออกจนสะอาด 

 9. เสกคราบหมากฝรั่งหลุดหาย
          คราบหมากฝรั่ง หรือคราบสติ๊กเกอร์ ที่เกาะอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ หรือส่วนต่าง ๆ ของบ้าน มักจะทิ้งคราบเหนียวและรอยเปื้อนสีดำเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ฉะนั้นหากคุณอยากจะกำจัดออก ให้ขัดด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชู ถูวนตามเข็มนาฬิกาในการกำจัดคราบหมากฝรั่ง ส่วนคราบสติ๊กเกอร์ ให้คุณทาน้ำส้มสายชูลงบนคราบ แล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วขัดออกด้วยวิธีเดียวกัน คราบที่ว่ายากก็ออกอย่างง่ายดายแบบไม่ต้องลงแรงเลย 

 10. ลบรอยดินสอสี
          หากผนังและพื้นบ้านเต็มไปด้วยรอยดินสอสี ฝีมือของเด็ก ๆ ล่ะก็ ให้ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำส้มสายชู แล้วขัดออกเบา ๆ เพียงเท่านี้คราบก็หายไปเหมือนสั่งได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนทำพื้นใหม่ หรือทาสีบ้านใหม่เลย ที่สำคัญน้ำส้มสายชูยังปลอดภัย และเป็นมิตรกับเด็ก ๆ อีกด้วย 

 11. ป้องกันวัชพืช
          หากมีวัชพืชลอยหน้าลอยตาอยู่ในกระถาง หรือสวนของคุณ ให้กำจัดออกด้วยการราดน้ำส้มสายชูลงไปบนวัชพืชให้ชุ่ม แล้วปล่อยทิ้งไว้ เพียงเท่านี้วัชพืชก็ไม่กลับมารบกวนเหล่าต้นไม้สุดที่รักของคุณอีกแล้วล่ะ

 12. ยืดอายุดอกไม้ให้บานสะพรั่ง
          คุณสามารถคงความสดให้กับดอกไม้ในแจกันด้วย การใส่น้ำส้มสายชูลงในแจกันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำตาลประมาณ 1/4 ส่วน โดยวัดจากปริมาณน้ำทั้งหมด แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน เท่านี้ดอกไม้ของคุณก็บานสะพรั่งอยู่ในแจกันได้นานขึ้นแล้วจ้า

 13. หมักเนื้อสัตว์ให้อ่อนนุ่ม
          ก่อนจะนำเนื้อสัตว์ไปปรุงอาหาร ให้น้ำเนื้อชิ้นนั้นไปหมักกับซอสหมักเนื้อที่ผสมด้วยน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ส่วน 4 ของถ้วย ต่อเนื้อ 1 กิโลกรัม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือถ้ามีเวลามากพอลองหมักทิ้งไว้ข้ามคืนเลยก็ได้ เพียงเท่านี้ก็จะได้เนื้อสะอาดอ่อนนุ่มมาปรุงอาหารได้อย่างสบายใจเลย 

 14. สลัดความฝืดของกรรไกร
          ถ้าตอนนี้กรรไกรของคุณเริ่มฝืด ตัดอะไรไม่ค่อยจะขาด ให้เช็ดกรรไกรด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชูบิดหมาด ๆ พราะน้ำส้มสายชูนั้นไม่ได้ทำให้กรรไกรสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่น้ำส้มสายชูยังช่วยป้องกันการเกิดสนิมให้กับกรรไกรอีกด้วย

 15. เพิ่มพลังขจัดรอยไหม้บนเตาปิ้ง
          บนตะแกรงหรือเตาปิ้งที่มีคราบอาหารเกาะอยู่ ก่อนจะนำไปทำความสะอาดให้ฉีดด้วยน้ำส้มสายชูเสียก่อน โดยปล่อยทิ้งไว้สักครู่ แล้วขัดคราบออกด้วยฝอยขัดหม้อ ก็จะช่วยให้คราบต่าง ๆ สลายออกได้ง่ายขึ้น  

          เห็นไหมว่า น้ำส้มสายชู คือของดีคู่ครัวที่คุณควรมีไว้ติดบ้าน เพราะนอกจากจะทำให้รสชาติอาหารเป็นที่ถูกปากแล้ว ยังสามารถทำให้บ้านของคุณกลับมาสะอาดได้อย่างใจอีกด้วย นอกจากนี้คุณยังไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับสารเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นกังวลด้วยนะ
....................................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เพื่อนสนิท... คือ


เพื่อนสนิท … ก็ คือ
เพื่อนธรรมดาๆคนนึง ที่ดันสนิทกัน มากกว่าเพื่อนธรรมดาๆทั่วๆไป

… ซึ่ง มันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง ที่คล้ายๆกับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น ...
… ถึง จะมาสนิทกันได้ ...
… บาง ที อาจ ไม่ใช่นิสัย ...
… บาง ที อาจ ไม่ใช่หน้าตา ...
… บาง ที อาจ ไม่ใช่ฐานะ ...
… บาง ที อาจ ไม่ใช่ระดับความรู้ ...
… แต่ มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็น มั น ค น นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ มี ...

… บาง ครั้ง ...
… เรา ก็ไม่ไป ที่ ที่เราอยากไป ...
.. เพียง เพราะว่า มัน ไม่ไปด้วย ...

… บาง ครั้ง ...
… นั่ง เงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่ แค่เห็นหน้ามัน ...
… น้ำตา ที่กลั้นไว้แทบตาย กลับ ทะลักออกมาได้จนหมด ...

… บาง ครั้ง ...
… ถ้า มีเสียงหัวเราะของมันด้วย ...
… เรา จะหัวเราะได้ดังกว่านี้ ...

… บาง ครั้ง ...
… ร้อย คำปลอบใจของใครก็ไม่รู้ ... 
… ยัง อุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆที่หัวไหล่ บอกเป็นนัยๆว่ากรูอยู่ตรงนี้ ...


ชอบคำๆนึงที่บอกว่า
… . . เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ เ พื่ อ น . .
… แ ต่ เ ร า เ ป็ น ตั้ ง เ พื่ อ น ต่ า ง ห า ก . .

… เพราะ เพื่อนมีความสำคัญมากๆ ...
… มาก จนบางคนแยกไม่ออก เอา ไปเปรียบเทียบกะแฟนว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ...
.. ทั้งๆ ที่มันคนละเรื่องกันเลย ..
… แต่ เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก ...
… เพื่อน … จะ กลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที ...

… ’ เพื่อน ’ ...
… ’ คือ คนที่เมื่อเราสุข เรา ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ’ ...
… ’ แ ต่ เ ป็ น ค น ไ ม่ มี วั น ป ล่ อ ย ใ ห้ เ ร า ล้ ม ลง ...
 ... ไ ม่ ว่ า เ ร า จ ะ ไ ป เ จ็ บ ม าจ า ก ไ ห น …

คุณมีเพื่อนสนิทแบบนี้ สักคนไหม

sakid.com
..............................................................................................................

ห้องน้ำปั๊มปตท. เก็บเงิน 20 บ.?

          เมื่อหลายวันได้ไปทำธุระ ที่ ตัว เมืองจ.ชลบุรี และได้แวะเข้าไปเติมน้ำมันใน ปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนสายบายพาส จ.ชลบุรี แล้วก็ถือโอกาสเข้าห้องน้ำด้วย ผมเหลือบไปเห็นห้องน้ำ สวยดีจึงเดินเข้าไป …พอไปยืนอ่าน ป้ายด้านบน จึงทราบว่า เป็นห้องน้ำเพื่อการกุศล…
          เดินเข้าไปสอบถามพนักงาน จึงทราบว่า เงินทุกบาททุกสตังค์ ที่เก็บได้จากค่าบริการห้องน้ำ ทาง ปตท.จะนำไปบริจาคเป็นทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน และซื้ออุปกรณ์การเรียนรู้ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ
          เดินเข้าไปภายในห้องน้ำ จะเห็นว่า สะอ้านมากครับ สัญลักษณ์ของห้องน้ำ ชายและหญิง ขนาดเท่าคนจริง ป้ายคำว่า RESTROOM 20 มีสีฟ้า สดใสสะดุดตา ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ
เดินตรงเข้าไปประตูกระจกอัตโนมัติจะเลื่อนเปิด มีพนักงานต้อนรับ 2 คนคอยให้ข้อมูลและเก็บค่าใช้บริการ คนละ 20 บาท โดยเราได้รับคูปองขอบคุณของโครงการเป็นการยืนยันว่าเราได้ร่วมทำบุญกับ ปตท.


          ด้านในติดแอร์เย็นฉ่ำ มีห้องน้ำหญิง ห้องน้ำชาย และห้องน้ำสำหรับคนพิการอีก 1 ห้อง ภายในห้องน้ำสะอาดมากๆ เพราะมีพนักงานดูแลทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยไม้และกระเบื้องสีขาว-น้ำตาล ดูเป็นสไตล์โมเดิร์นที่ดูน่าสบาย มีมุมให้นั่งพักอ่านหนังสือ ดูทีวีได้ ถึงแม้อากาศภายนอกจะร้อนมาก แต่ในห้องน้ำนี้เย็นสบายจนสามารถนั่งอ่านหนังสือเล่นได้เป็นชั่วโมง





          ใครที่ต้องเดินทางผ่านเส้นทางนั้น อย่าลืมแวะพักที่ปั๊ม ปตท. แห่งนี้นะครับ มีร้านค้าและร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน มีลานจอดรถกว้างขวางรองรับได้มากทีเดียว
และอย่าลืมใช้บริการห้องน้ำ Restroom 20 ที่ปั๊ม ปตท. แห่งนี้นะครับ นอกจากจะได้ปลดทุกข์ให้ตัวเองแล้วยังได้ปลดทุกข์ให้เด็กๆ น้องๆ ที่ด้อยโอกาสอีกด้วย
           นอกจากห้องน้ำ Restroom 20 ในปั๊มแห่งนี้ยังมีห้องน้ำสาธารณะอีก 2 อาคาร เพื่อรองรับนักเดินทางจำนวนมาก เพราะปั๊มนี้ตั้งอยู่บนถนนสายบายบาส จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งสู่กรุงเทพฯ ครับ



          อ่านกันแล้วเป็นยังไงกันบ้างล่ะ…สำหรับ อิป้า ถ้ามีโอกาสได้ผ่านไป ณ ที่นั้น เวลานั้น จะรีบแจ้นสองเท้า พร้อมสองมือควักเงินบริจาคให้กับเด็กๆ ด้อยโอกาสทันทีเลยแหล่ะ
          ต้องขอขอบคุณเจ้าของบล็อคนี้มากๆ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวที่น้อยคนนักจะได้รู้ได้เห็น !!!
อ่อ…แล้วนี่เรื่องห้องน้ำนะจ๊ะ คุณผู้อ่าน มิใช่เรื่องราคาน้ำมัน หรืออื่นๆ อิป้า ขอสมองแยกแยะด้วยจ้ะ อย่าได้ลากเรื่องใดๆ ที่นอกเหนือเรื่องดีๆ แบบนี้เข้ามาให้เกิดการโต้เถียงกันไม่ดีหรอกเสียเวลาเปล่าๆ

ข่าวโดย : เรื่องเล่าธรรมด๊า…ธรรมดา ของผู้ชาย…ธรรมดา
Permalink : http://www.oknation.net/blog/chartsiam
ที่มา: http://www.talkystory.com/?p=41267
.....................................................................................................

ข้อคิดดีๆ

1.รักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยการจุมพิต และจบลงด้วยน้ำตา 
2.อย่าเสียน้ำตาให้ กับคนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้คุณ 
3.ถ้า ความรักไม่ใช่เกม,ทำไมจึงมีผู้เล่นเกมรักหลายคน 
4.เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่ยากกว่าในการจะลาจาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมเลือน 
5.คุณ ไปได้ไกลเท่าที่คุณผลักดันตัวเอง 
6.การ กระทำดังกว่าคำพูด 
7.สิ่งที่ทำยากที่ สุด คือ การมองดูคนที่คุณรัก ไปรักคนอื่น 
8.อย่าให้อดีตยึดคุณไว้ คุณจะพลาดสิ่งดีๆที่จะผ่านมา 
9.ชีวิตนั้นสั้นนัก ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิต คุณไม่หยุดมองดูมันให้กว้างๆ ทั่วๆ สักครู่ คณจะพลาดมัน 
10.เพื่อนที่ดีที่สุดเหมือน ใบไม้สี่กลีบ(สัญลักษณ์แห่งความโชคดี) ยากที่จะหาพบ และ โชคดีที่มีมัน 
11.คนบางคนทำให้โลกนี้เป็นโลกที่แสน พิเศษเพียงแค่มีเค้าอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น 
12. มิตรแท้ คือ พี่-น้อง ที่พระเจ้า ลืมให้มาเกิดในครอบครัวเดียวกันกับเรา เท่านั้นเอง 
13.เมื่อคุณเจ็บปวดที่จะมองกลับหลัง และ หวาดกลัวที่จะมองไปข้างหน้า เพียงคุณ มองไปข้างๆ เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณจะอยู่ที่นั่น 
14.สัมพันธภาพที่แท้จริงไม่มีวันจบสิ้น 
15.เพื่อน จะคงอยู่ตลอดไป 
16.เพื่อนที่ ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้เห็นพวกเขาตลอดเวลา แต่คุณจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเสมอ 
17.อย่า ขมวดคิ้วเลย เธอไม่เคยรู้หรอกว่ามีใครบางคนหลงรักรอยยิ้มของเธอ 
18.คุณจะทำอย่างไร เมื่อคุณรู้ว่าเพียงคนๆเดียวที่จะทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ คือคนที่ทำให้คุณร้องไห้ 
19.ไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคุณตกหลุมรักเขาแล้ว (เมื่อคุณหลงรักใคร คุณจะคิดว่าเขาสมบูรณ์แบบ) 
20.ทุก สิ่งทุกอย่างจะ OK ตอนจบ ถ้าไม่แล้ว แสดงว่านั่นยังไม่ใช่จุดจบ 
21.คนส่วนมากผ่านมาและผ่านไปในชีวิตคุณ แต่มีเพียงเพื่อนเท่านั้นที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในหัวใจคุณ

Thank : http://hot.ohozaa.com/002530-๒๑-ข้อคิดดีๆ.html
...................................................................................................

เข็มนาฬิกากับหน้าที่...

ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านหรูสไตล์ตะวันตกหลังหนึ่ง
มี นาฬิกาเรือนงามเรือนหนึ่งประดับเด่นอยู่บนผนังของห้องนั่งเล่นนั้น
เข็ม นาฬิกาทั้งสามบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามนี้ต่างภูมิใจในหน้าที่ของพวกตน
ที่ ได้บอกเวลาอย่างเที่ยงตรงแก่เจ้าของบ้านและผู้มาเยือนมาโดยตลอด
วัน หนึ่งเจ้าเข็มวินาทีสีแดงสดรูปร่างเพรียวบางรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับภาระ หน้าที่ของตัวเอง
ที่ต้องตรากตรำเดินอยู่บนหน้าปัดตลอดเวลาอย่างเหน็ด เหนื่อย
ในขณะที่ในวันหนึ่ง ๆ เจ้าเข็มสั้นและเจ้าเข็มยาวไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไรเลย
เจ้าเข็มวินาที จึงรู้สึกว่าตนถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างมาก จึงโวยวายออกไปว่า
“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ พอทีเถอะ ข้าเหนื่อยเหลือเกินกับการทำหน้าที่ของข้า
พวกเจ้าเอาเปรียบข้า ข้าไม่เคยได้พักอย่างพวกเจ้าบ้างเลย 
ข้าไม่อยากเดินอีกต่อไปแล้ว พอกันที”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เจ้าเข็มสั้นจึงบอกกับเจ้าเข็มวินาทีไปด้วยเสียงอันแหลมเล็กว่า
“โอ๊ะ.........โอ!! โถๆๆๆ เจ้าเข็มวินาทีเอ๋ย เจ้าหาว่าพวกข้าเอาเปรียบงั้นรึ? 
เจ้าจงมองดูรูปร่างของข้าสิอ้วนอุ้ย อ้ายและยังตัวสั้นเตี้ย
แถมข้ายังมีหัวที่โตมากอีกต่างหากข้าต้องแบกหัว หนัก ๆ นี้ไว้ตลอดเวลาเลย
กว่าข้าจะเดินได้แต่ก้าวนี่ช่างยากลำบากกว่า เจ้าเป็นไหน ๆ
แล้วอย่างนี้เจ้าจะมาหาว่าข้าเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไรกัน”
เจ้า เข็มยาวก็กล่าวเสริมว่า “เจ้าเข็มวินาทีเอ๋ยเจ้าคงไม่รู้หรอกนะว่า
ข้า แอบอิจฉาเจ้าที่เจ้ามีรูปร่างเพรียวบางสามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่ว
และ มีสีแดงสดใสสะดุดตาเช่นเจ้านี้ ผิดกับข้านักที่ตัวดำและหนาเทอะทะ”
“ไม่จริง พวกเจ้าโกหกไม่ต้องมาหลอกข้าซะให้ยาก
บอกว่า ข้าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่มาเป็นข้าดูบ้างล่ะ 
ข้าจะได้พักผ่อนเสีย ที” เจ้าเข็มวินาทีกระแทกเสียง
เจ้าเข็มนาฬิกาทั้ง สามจึงสลับหน้าที่กัน
โดยที่เจ้าเข็มสั้นทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มยาว
ขณะ ที่เจ้าเข็มยาวทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มวินาที
ส่วนเจ้าเข็มวินาทีได้แต่นอน ดูเพื่อน ๆ เดินตามหน้าที่ใหม่
มันดีใจมากที่ไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไร เพราะมันทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มสั้น
ทันใดนั้นเจ้าของบ้านที่กำลังนั่ง อยู่ในห้องนั่งเล่นก็เกิดความประหลาดใจมาก
ที่เห็นนาฬิกาเรือนงามบนผนัง เดินผิดปกติ
กึก...กึก..........กึก........
เจ้าเข็มวินาทีสะดุ้ง เฮือกเมื่อรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของนาฬิกา
“โอ๊ย......... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?” เจ้าเข็มวินาทีถามขึ้น
“แย่แล้ว..... พวกเราไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วหรือนี่
ทำไม เขาถึงยกนาฬิกาที่เราอยู่ลงจากผนังเสีย ? เราจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้”
เจ้า เข็มสั้นพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“เมื่อ พวกเราต่างไม่ได้ทำตามหน้าที่ของตน
นาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่สามารถบอกเวลาได้ อย่างแม่นยำเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
เจ้าของบ้านเขาคงเห็นว่าเราคงหมด ประโยชน์แล้วล่ะ
แต่ข้าว่ามันคงไม่สายเกินไปนะ ที่พวกเราจะทำให้นาฬิกาเรือนที่เราอยู่นี้มีคุณค่าขึ้นอีกครั้งโดยที่เรา ต้องทำตามหน้าที่ของแต่คนตามเดิม” เจ้าเข็มยาวบอก
“ข้าผิดไปแล้ว เพราะข้าคนเดียวทำให้พวกเราหมดคุณค่าไป “
เจ้าเข็ม วินาทีพูดด้วยความสำนึกผิด
แล้วเจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็กลับมาทำหน้าที่ ของพวกตนตามเดิม
เมื่อเจ้าของบ้านเห็นว่านาฬิกาเรือนงามของเขาสามารถ บอกเวลาได้ตามปกติแล้ว
เขาจึงนำนาฬิกาเรือนนั้นไปแขวนที่ผนังห้องนั่ง เล่นตามเดิม
เจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็เดินบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามตาม หน้าที่ของพวกตนอย่างมีความสุข 

Thank : ไทยรีดเดอร์
..............................................................................................

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โกจิเบอร์รี่หรือ “เก๋ากี้” ผลไม้ดีๆ ...

โกจิเบอร์รี่หรือ “เก๋ากี้” ผลไม้ดีๆ เพิ่มพลังให้ดวงตา
          ถ้าเอ่ยชื่อผลไม้ทรงรีสีแดงส้มชื่อ โก จิเบอร์รี (Koji berry) หลายคนคงส่ายหน้าไม่รู้จัก ใบ้ให้อีกนิดว่าเราคุ้นเคยกันดีในเมนูอาหารจีนอยู่บ่อยๆ พรั่งพร้อมด้วยสรรพคุณมากมายโดยเฉพาะบำรุงสายตา และเมื่อได้เห็นของจริงแล้วก็จะทราบในทันที เพราะแท้จริงแล้วโกจิเบอร์รี่ก็คือ “เก๋ากี้” เจ้าเม็ดสีแดงๆ ที่เราเห็นจนชินตาในหลากหลายเมนูอาหารจีนนั่นเอง

          ไม่ว่าคุณจะรับประทานฟักต้มน้ำแกง ขาไก่ตุ๋น กระเพาะปลาผัดแห้ง หรือ หน่อไม้ผัดแห้ง คุณก็จะเห็น เก๋ากี้ ทั้งสิ้น ด้วยเพราะสรรพคุณที่มากมายโดยเฉพาะเรื่องการบำรุงสายตา ยิ่งสมัยนี้ทั้งแสงแดด หรือ แม้แต่รังสีจากคอมพิวเตอร์ ก็ล้วนแต่มีผลกับดวงตาทั้งสิ้น เก๋ากี้นี้เป็นที่รู้จักมาช้านาน ในตำราจีนระบุว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา ป้องกันแสงที่ทำลายดวงตา บำรุงประสาท ทำให้หลับสบาย บรรเทาอาการวิงเวียน หน้ามืดตาลาย ตาบอดกลางคืน และยังช่วยลดน้ำตาลในเลือด เรียกว่าสรรพคุณครอบจักรวาลจริง ๆ 

          ในเก๋ากี้พบกระอะมิโน 18 ชนิด และแร่ธาตุนานาชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม เจอมันเนียน เซเรเนียม ฟอสฟอรัส วิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า เอ บี 2 เบต้าแคโรทีน นอกจากนั้น ยังมีพอลิแซ็กคาไรด์ 4 ชนิด คือ LBP-1, LBP-2, LBP-3, LBP-4 ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดน้ำตาลในเลือด ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยในการนำโกจิเบอร์รี่มารักษาหรือยับยั้งการเติบโตของมะเร็ง และที่คุณผู้หญิงฟังแล้วน่าจะชอบเป็นพิเศษคือ เก๋ากี้ยังมีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย (Anti-Aging) อีกด้วย

          หากเชื่อในหลักการ ‘ทานอาหารให้เป็นยา’ ก็น่าจะลองหาเก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ติดตู้เย็นไว้เป็นอาหารประจำบ้าน สถานที่ที่หาซื้อได้ นอกจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายแบบซองเรียบร้อยแล้ว ตามร้านขายยาจีนย่านเยาวราชก็เป็นอีกแหล่งใหญ่ที่มีให้เลือกมากมายหลายร้าน แบ่งขายตามน้ำหนัก ราคาย่อมเยา แต่ก่อนซื้อถามคนขายสักนิดว่าเป็นพันธุ์หวานหรือพันธุ์เปรี้ยว เพราะจะมีผลต่อรสชาติของอาหารที่เราจะปรุง

ลองปรุงสี่เมนูเก๋ากี้นี้ที่เราแนะนำ
           1. นำเก๋ากี้ประมาณหนึ่งกำมือ หรือ 6-12 กรัม มาต้มจนเปื่อยแล้วกรองเอากากออก ใช้ดื่มแทนน้ำชา หรือรินผสมกับชาจีนก็ได้ 

          2. ใส่เก๋ากี้ในเมนูกับข้าว ฟักต้มน้ำแกง ไก่ตุ๋น กระเพาะปลาผัดแห้ง แต่ใส่แค่พอประมาณ เพราะหากใส่มากเกิน จะทำให้อาหารมีรสเปรี้ยวได้

          3. นำเก๋ากี้มาทำเป็นเมนูอาหารว่าง เช่น โกจิอบแห้ง โกจิสามรส หรือเลาะเอาเนื้อมาทำแยม

          4. นำเก๋ากี้มาสกัดเป็นน้ำผลไม้เข้มข้น ข้อนี้อาจทำเองยากสักหน่อยยกเว้นแต่มีเครื่อง FREEZE CONCENTRATION ถ้าหาซื้อแบบเข้มข้นติดบ้านไว้จะสะดวกกว่า ยามอ่อนล้า ผสมน้ำแข็งดื่มสักแก้ว จะทำให้กำลังวังชากลับคืนมา

หากเป็นช่วงที่ต้องใช้สายตาและสมองเต็มพิกัด เช่น อ่านหนังสือสอบ หรือ ทำงานสำคัญ ๆ ลองเลือกโกจิเบอร์รี่หรือเก๋ากี้ที่อุดมด้วยสารอาหารมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในวันที่อ่อนล้าสำหรับคุณ

Thank : goodfoodgoodlife
..................................................................................................

เครียดในวัยเด็กกระทบผู้หญิงจนวัยรุ่น

วิจัยเผย ความเครียดในวัยเด็กกระทบภาวะอารมณ์ผู้หญิงจนวัยรุ่น
           บ้านไหนกำลังเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อยคงต้องคอยระวังเอาไว้ให้ดี ไม่ปล่อยให้บรรยากาศในบ้านตกอยู่ในความตึงเครียด เพราะมีผลการศึกษาจากศาสตราจารย์คอรี่ เบอร์กีห์ แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐฯ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารธรรมชาติประสาทวิทยา (Nature Neuroscience) เมื่อวันอาทิตย์ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ค้นพบว่า เด็กสามารถรับรู้ความเครียดได้ และส่งผลกระทบต่อพัฒนาการสมองส่วนที่รับผิดชอบด้านอารมณ์ ทำให้เด็กกลุ่มนี้กลายเป็นเด็กที่มีภาวะความเครียดและซึมเศร้าเมื่อเติบโตไปเป็นวัยรุ่น แต่น่าแปลกใจที่มันส่งผลในเด็กหญิงเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

           ตามรายงานจากเว็บไซต์วอชิงตันโพสต์ ระบุว่า การทดลองดังกล่าวเป็นการทดลองระยะยาว เริ่มต้นในช่วงปี 2533-2534 ด้วยบุตรหลานจาก 570 ครอบครัว แต่การศึกษาชิ้นนี้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อติดตามตั้งแต่ยังเป็นเด็กแบเบาะออกมา 57 ราย ประกอบด้วย เด็กหญิง 28 ราย และเด็กชาย 29 ราย ซึ่งปัจจุบันทั้งหมดอายุ 18 ปีแล้ว เพื่อศึกษาถึงผลกระทบต่อความเครียดในครอบตัวต่อพัฒนาการของเด็ก 

           วัยรุ่นหญิงและชายทั้ง 57 คน ถูกทำการแสกนสมอง (MRI scan) ในขณะที่สมองกำลังอยู่ในขั้นพักผ่อน (resting state) เพื่อหาค่าความสัมพันธ์ระหว่าสมองส่วน "อะมิกดาลา" (amygdala) ซึ่งรับผิดชอบอารมณ์ในด้านลบและการตอบสนอง กับสมองส่วน "พรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์" ซึ่งช่วยเรื่องการประมวลผลและควบคุมความรู้สึกในแง่ลบ โดยการทำงานของสมองทั้งสองส่วนนี้ ส่งผลถึงอารมณ์ความรู้สึกว่าด้วยความรู้สึกดีหรือหดหู่ของเจ้าของ

           ผลปรากฏว่า วัยรุ่นหญิงผู้ที่มีค่าความสัมพันธ์ระหว่างสมองส่วนอะมิกดาลากับพรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์ ต่ำ มีช่วงชีวิตวันเด็กนับแต่ยังทารกกับมารดาซึ่งมีรายงานว่ามีระดับความเครียดสูง (ทั้งด้วยเรื่องของความซึมเศร้า ปัญหาการปรับตัวในการเป็นแม่ ปัญหาด้านความสัมพันธ์ และปัญหาด้านการเงิน) และเมื่อย้อนไปดูผลการตรวจระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายของพวกเธอ ที่เคยทำไว้เมื่อวัย 4 ขวบ ยังพบว่า เมื่อตอนสาววัยรุ่นเหล่านี้ยังเป็นเด็กหญิง พวกเธอมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงกว่าเด็กคนอื่น ๆ อีกด้วย 

           ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่กลุ่มทดลองทั้ง 57 คนจะได้รับการแสกนสมอง พวกเขาได้รับการตรวจระดับฮอร์โมนความเครียดอีกครั้ง (ตรวจหาระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจากตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งจะทำการเก็บตัวอย่างในตอนเย็นของวันนั้น ซึ่งจะบอกได้ว่าในทั้งวันนั้นพวกเขามีความเครียดมากแค่ไหน) พบว่าระดับความเครียดที่ได้ในวันนั้น ไม่มีความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อสมองส่วนอะมิกดาลา และพรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์ แต่อย่างใด 

           ศาสตราจารย์เบอร์กีห์ ได้อธิบายผลการทดลองนี้ว่า เด็กหญิงซึ่งเติบโตมาในครอบครัวที่มีสภาพตึงเครียดใครครอบครัว จะเกิดความเครียดตาม (สังเกตได้จากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ตรวจพบในวัย 4 ขวบ) และส่งผลกระทบต่อระดับการทำงานสอดประสานของสมองส่วนอะมิกดาลา และพรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์ ซึ่งทำหน้าที่เรื่องอารมณ์ความรู้สึก ทำให้เด็กหญิงคนนั้นกลายเป็นคนที่มีความเครียดและซึมเศร้าได้ง่าย และส่งผลเช่นนั้นถาวรมาจนถึงตอนโต อย่างไรก็ดี กลับไม่พบผลกระทบในทำนองเช่นเดียวกันนี้ในเพศชาย (สังเกตจากระดับค่าการทำงานของสมองทั้งสองส่วน)

           เช่นนี้แล้วจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องส่งเสริมให้เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กหญิงได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง และเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อเป็นผลดีต่อตัวเด็กให้กลายเป็นคนที่มีคุณภาพ และสุขภาพดีทั้งกาย-ใจ ต่อไปในอนาคต 

Thank : k@pook
..........................................................................................

ชาย 10 คน กับการจ่ายค่าเบียร์

ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในอเมริกา
ทุกๆวันจะมีชาย 10 คน ไปกินเบียร์ที่บาร์แห่งหนึ่ง 
และค่าเบียร์จะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์เท่ากันทุกวัน

ชายสี่คนแรก เป็นคนที่จนที่สุดในกลุ่มจึงไม่ต้องเสียค่าเบียร์
ชายคนที่ 5 จ่ายเพียง $1
คนที่ 6 จ่าย $3
คนที่ 7 จ่าย $7
คนที่ 8 จ่าย $12
คนที่ 9 จ่าย $18
คนที่ 10 ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดในกลุ่ม จ่าย $59

เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน ...สองเดือน พวกเขาก็ยังมาเป็นประจำทุกวัน

วันหนึ่ง เจ้าของร้านก็บอกข่าวดีกับพวกเขาว่า เนื่องจากพวกเขาเป็นลูกค้าที่ดีมาตลอด
เขาจึงอยากจะลดค่าเบียร์ให้ $20 เป็น $80

ชายทั้ง 10 ดีใจมาก ที่ต้องจ่ายค่าเบียร์ลดลงเหลือเพียง $80
อย่างไรก็ตาม การลดราคาครั้งนี้ ก็ไม่ได้กระทบกับชายสี่คนแรกอยู่ดี
เพราะในราคาปกติ พวกเขาก็ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว...

แล้วชายอีกหกคนที่เหลือหละ??? พวกเขาจะหารส่วนลด 20 ดอลลาร์ยังไง
ชายคนนึงเสนอว่า ให้หารเท่าๆกันเพื่อ “ความยุติธรรม”

20 ดอลลาร์ หาร 6 คือ 3.33 ... 
แต่ว่า ถ้าหากลดให้ทุกๆคน คนละ 3 ดอลลาร์ 
ชายคนที่ 5 และ 6 ก็จะไม่ต้องเสียอะไรเลย
นั่นหมายถึงว่า ชายสิบคนที่มากินเบียร์ มีเพียง 4 คนเท่านั้นต้องจ่าย

เจ้าของร้านจึงเสนอไอเดียว่า ให้ทุกๆคนลดจำนวนเงินที่ตัวเองต้องจ่ายลง ในสัดส่วนที่เท่ากัน
จากนั้นเขาก็คำนวณให้เรียบร้อย ผลออกมาก็คือ...

ชายคนที่ 5 ไม่ต้องเสียอะไรเลย เหมือนชายสี่คนแรก (ลดลง 100%)
คนที่ 6 จ่าย $2 จาก $3 (ลดลง 33%)
คนที่ 7 จ่าย $5 จาก $7 (ลดลง 28%)
คนที่ 8 จ่าย $9 จาก $12 (ลดลง 25%)
คนที่ 9 จ่าย $14 จาก $18 (ลดลง 22%)
คนที่ 10 จ่าย $49 จาก $59 (ลดลง 16%)

ทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วยตามไอเดียนี้ จนกระทั่งบาร์ปิด
ชายคนที่ 6 ก็นึกขึ้นมาได้ จึงพูดออกมาว่า “ทำไมฉันได้ส่วนลดเพียง 1 ดอลลาร์ จาก 20 ในขณะที่เขาได้ตั้ง 10 !!!” 
พร้อมกับชี้ไปหา ชายคนที่สิบ
“นั้นนะสิ” ชายที่คน 5 พูดเสริมออกมา “ฉันลดไปเพียง 1 ดอลลาร์”
ทุกคนบ่นออกมาต่างๆนานา ว่าไอเดียนี้ไม่ยุติธรรมเลย

จากนั้น ชายสี่คนแรกที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยตั้งแต่แรก ก็พูดออกมาว่า 
“พวกเราไม่ได้อะไรเลย จริงๆเราควรได้อะไรบ้างสิ นี้มันเอาเปรียบคนจนชัดๆ”

ชายคนที่ 8 และ 9 ก็รวมหัวช่วยกันรุมชายคนที่ 10

คืนต่อมา...ชายคนที่ 10 ก็ไม่ได้มากินเบียร์กับพวกเขา 
เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงิน พวกเขาก็ได้เรียนรู้บางอย่างที่สำคัญ
ก็คือ จำนวนเงินที่พวกเขาเคยจ่ายนั้น รวมกันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าเบียร์

-David R. Kamerschen, Ph.D.-

นี้เป็นการอธิบายระบบภาษีที่เขียนออกมาในรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน
เลยอยากแปลมาให้อ่านกันคะ เป็นวิธีการเข้าใจระบบภาษีที่อ่านง่ายและสนุก

นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเกิดมาตรการ “ลดหย่อนภาษี”
คนรวยถึงได้รับผลประโยชน์มากที่สุด 
นั้นก็เพราะว่า เมื่อใดที่ นักลงทุนหรือ คนรวย รู้สึกว่าตัวเองต้องจ่ายภาษีมากเกินไป
พวกเขาก็สามารถไปหากิจกรรมการลงทุนที่อื่นที่ภาษีต่ำกว่า หรือ 
ออกไปหาร้านอื่นที่ค่าเบียร์ถูกกว่า....

ระบบภาษีในไทยก็ไม่แตกต่างจากอเมริกาค่ะ คิดภาษีเป็นลำดับขั้น
ที่ต่างกันก็คือ ขั้นสูงสุดของไทยจ่าย 37% แต่อเมริกา ต้องจ่ายถึง 50%

อย่างที่หลายๆคนเคยพูดไว้ว่า "เหรียญมีสองด้าน"
การมองอะไรหลายๆด้านก็จะทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้นนะคะ

การดื่มสุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
..........................................................................................

ทำไงดี เมื่อพลังชีวิตเหลือ 1 ขีด!!!

          ใครเคยเป็นแบบเราบ้าง ตื่นเช้ามาไม่มีแรง หน้าตาดูไม่ได้ จิตใจห่อเหี่ยว มาทำงานแบบขอไปที แต่มาถึงกลับทำงาน เกินจริง ชิ่ง ก็ไม่ได้ โอ๊ย!!!เหนื่อยจะเคลียร์ กลายเป็นคนจิตตก แถมซึมเศร้าไปโดยปริยาย ทั้งๆที่ปกติเป็นคนร่าเริงแบบสุดๆ นาทีนั้นเลยบอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว ต้อง “ปฎิวัติ” ก่อนที่พลังวัตรจะหมดไปไม่เหลือเลยซักขีด!!! โดยเริ่มจาก

          นอนหลับให้เพียงพอ เพราะ เคยได้ยินมาว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเห็นผลทันตา โดยให้นอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยเริ่มง่ายๆจากปกติเราเคยนอน ประมาณห้าทุ่ม เพราะมัวแต่เคลียร์งาน ทีนี้ก็เลยเปลี่ยนมาเป็น สี่ทุ่มครึ่ง แล้วก็ช่างหัวงาน ค่อยเคลียร์ตอนเช้า เพราะเราหัดบริหารเวลาใหม่ พอทำมาได้อาทิตย์หนึ่ง รู้สึกสดชื่นขึ้น เข็มพลังกายเริ่มขยับขึ้นมา 1 ขีดแล้ว แต่พลังใจยังไม่ขยับ 

          เลยลองวิธีที่2 ด้วยการกำจัดสิ่งเล็กน้อยกวนใจ เช่น ห้องรกก็เก็บซะ โต๊ะทำงานที่มีแต่กองเอกสารก็จัดเรียงใหม่ เพราะเขาว่ากันว่า ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เราเครียดได้โดยไม่รู้ตัว คิดดูสิ ว่าตอนเช้าตื่นมาแทนที่จะรู้สึกสดชื่น ปลอดโปร่ง เพราะได้เห็นห้องโล่งๆ แต่กลับต้องมาเจอกับกองงานและกองขยะ เช้านั้นทั้งเช้าก็เลยหงุดหงิดไม่สดใส พอลองทำแล้วสังเกตอาการตัวเอง เออ!!รู้สึกดีขึ้นจริงด้วย พลังใจเริ่มขยับขึ้นแล้ว 1 ขีด มาถึงที่ทำงาน แค่เห็นฮวงจุ๊ยก็เบื่อแล้ว เอ๊ะ! งั้นลอง !!เหมือนได้โต๊ะใหม่ บรรยากาศ ใหม่ๆเลยตามมา อารมณ์สุนทรีย์ขึ้นอีกเยอะ 

          พอนั่งทำงานไปได้สักพักกลายเป็นติดหนึบ รากงอกติดเก้าอี้ ความเบื่อเลยเกิดขึ้นอีกแล้ว ทีนี้เลยหาวิธีแก้ด้วยการ Break Routine ลุก ออกไปเดินเล่นบ้าง โดยอาสาไปซื้อขนมให้เพื่อน เดินไปแต่งสวยในห้องน้ำหรือจะแกล้งเดินไปคุยงานกับแผนกอื่นก็เนียนๆไปแบบ เจ้านายไม่ว่า ปรากฎว่าหาย... ได้ขยับร่างกายบ้างอะไรบ้าง วันนี้พลังกายและพลังใจเลย ขึ้นมาอีก 2 ขีด จนเกือบเต็ม เฮ้อ!!โล่งอก

           พอตกเย็น เลิกงานไปสังสรรค์กับเพื่อนดีกว่า โทร นัดรวมพลคนพรรค์เดียวกัน แล้ว “แชร์”  ประสบการณ์มีไว้ให้จำและแชร์ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ระบายๆๆๆ เฮ้อ!!โล่งอก การที่เราได้รับรู้ว่ายังมีใครที่เป็นห่วงและอยากรับฟัง (อย่างจริงใจ) เป็นความรู้สึกที่ดีเกินคาด กำลังใจจากคนที่เรารักและรักเราช่วยชีวิตไว้แท้ๆ 

          สุดท้ายของวันเลยขอมานั่งสมาธิ อยู่กับตัวเองสักพัก ประมาณ 10 นาทีก่อนนอน ปล่อยให้หัวสมองว่างเปล่าซะบ้าง ปลดปล่อยความยุ่งเหยิงที่เจอมาทั้งวันให้ลอยไปกับอากาศ แล้วนอน ที่สำคัญให้กำลังใจตัวเอง เราไม่มีทางดีขึ้นได้ถ้าไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง นอกจากนั้นการได้กำลังใจเหมือนการได้วัคซีนป้องกันโรคอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่นานเราก็จะมีภูมิคุ้มกันใจตัวเองและมีแรงสู้ต่อไปได้ มาถึงตอนนี้พลังชีวิตเราบิวท์ขึ้นมาเต็มแมกซ์แล้ว พร้อม สู้วันใหม่ (อีกรอบ) เลยอยากบอกต่อว่าใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ ให้รีบแก้ไขกันแบบด่วนๆ เพราะถ้าปล่อยนานอาจเกินเยียวยา รักษาไม่หาย พาลหน่ายชีวิต จิตตก จนหมดไฟในที่สุด ฉะนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ขอให้หายจากโรค “ขาดพลัง” กันซะที

Chic Think: 
           ไม่มี ใครอยากจะอยู่กับคนจิตตกหรอกนะ การที่วันๆเอาแต่พร่ำบ่นถึงเรื่องงาน เรื่องปัญหา ให้คนอื่นรับฟัง พูดได้ ระบายได้แต่อย่าบ่อย เพราะถ้าใน1 อาทิตย์ 3 วันเอาแต่พูดบ่นเรื่องไม่จรรโลงใจ อีก2วันนั่งรองไห้ แบบนี้ใครก็คงช่วยไม่ได้ (และไม่อยากช่วย) ฉะนั้นให้คิดซะว่า คนเราเจอปัญหาได้ตลอดเวลา แต่อย่าเสียเวลายกปัญหามาไว้ในชีวิต เอาเวลาที่มีไปลั้นลา เอ็นจอยกับชีวิตยังจะคุ้มซะกว่ามานั่งถอนหายใจเฮือกๆ เป็นคนร่าเริง ใครๆก็อยากอยู่ด้วยนะจะบอกให้

Thank : goodfoodgoodlife
.............................................................................................

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สาววัย 20 และ 30 กินอะไรให้ไม่แก่ก่อนวัย

          ผู้หญิงหลายคนอาจไม่รู้ว่า "นิสัยการกิน" เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างมาก รวมถึงอายุที่แตกต่างกันก็ทำให้แต่ละคนมีความต้องการของสารอาหารที่แตกต่างกันไป ถ้าคุณเป็นสาวแรกรุ่นวัย 20 ปี ไปจนถึงสาวทำงานวัย 30 ปีคงไม่ปฏิเสธว่าด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งในภาวะการเรียนหรือแม้แต่การทำงานทำให้ไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เช่น แคลเซียม กรดโฟลิก และธาตุเหล็ก การได้รับแคลเซียมน้อยในช่วงเวลานี้ ทำให้เสี่ยงกับโรคกระดูกพรุน แถมคนวัยนี้มักจะไม่ค่อยกินข้าวเช้า ทำให้ได้รับใยอาหารต่ำ และอาจนำไปสู่โรคลำไส้ใหญ่ได้ในอนาคตได้ และนี่คือ 4 กลุ่มสารอาหารที่สาวๆ วัยนี้ต้องการ

            แคลเซียม : กระดูกสามารถเติบโตได้เรื่อยๆ จนถึงอายุ 20 ปลายๆ และเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการ สาววัยนี้ต้องกินอาหารในกลุ่มที่ทำจากนมอย่างน้อย 3 หน่วยบริโภคต่อวัน (1หน่วยบริโภค = นม 200 มล. = โยเกิร์ต 1 ถ้วยเล็ก หรือชีส 30 กรัม) แต่ถ้าไม่กินนมก็อาจจะเลือกอาหารอย่างอื่น ลอง - ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ผักโขม ถั่วเขียว บร็อกโคลี งา คะน้า กวางตุ้ง อัลมอนด์

           ใยอาหารหรือไฟเบอร์ : ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อระบบการทำงานอื่นๆ เช่น การรักษาระดับน้ำตาลและโคเลสเตอรอล หากไม่ได้รับใยอาหารเพียงพอ นอกจากจะทำให้ท้องผูกแล้ว ยังเสี่ยงต่อโรคลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบ โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิด ลอง - ขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่ว (2 ช้อนชาก็เพียงพอ) แอปเปิ้ล ลูกแพร์ มันฝรั่งต้ม (ไม่ปอกเปลือก) อัลมอนด์ ป๊อปคอร์นไม่ใส่เนยหรือเกลือ สตอรเบอร์รี่ ลูกพรุน ลูกเกด และเครื่องดื่มนมผสมธัญพืชขัดสีน้อย

           กรดโฟลิก : คือวิตามินบี 9 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตเซลล์ใหม่ๆ อย่างผิวหนัง เส้นผม หรือเล็บ สำหรับสาวๆ ที่วางแผนที่จะเป็นคุณแม่ กรดโฟลิกมีความสำคัญมาก ผู้หญิงโดยทั่วไปควรได้รับกรดโฟลิกไม่น้อยกว่า 400 ไมโครกรัมต่อวัน ลอง - ผักโขม บีทรูต บร็อกโคลี่ กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย ลูกพีช อกไก่ ตับ ไต ไข่แดง ถั่วชนิดต่างๆ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

           อาหารที่มีโซเดียมต่ำ : หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือซอสเครื่องปรุงต่างๆ ในปริมาณมาก เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด เนื้อสัตว์แปรรูป กะปิ หรืออาหารกระป๋องที่มักใส่เกลือปรุงรส

Thank : goodfoodgoodlife
................................................................................................

ฝนมา...ไวรัส RSV ก็มา

เรื่อง : ก้านแก้ว เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ เรืออากาศเอกแพทย์หญิงหฤทัย กมลาภรณ์
กุมารแพทย์โรคระบบหายใจเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี 

          ฤดูฝนระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคม เป็นช่วงที่เด็ก ๆ มักจะป่วยบ่อย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและมักจะรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะไวรัส RSV ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ส่งผลรุนแรง ถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อได้

ไวรัส RSV ทำลายระบบทางเดินหายใจ
          ไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นสาเหตุของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่าง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ (Acute bronchiolitis) และอาจทำให้ปอดอักเสบติดเชื้อ (pneumonia) โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีโรคประจำตัว คลอดก่อนกำหนด มีโรคปอดเรื้อรัง โรคทางระบบประสาท โรคที่ทำให้เด็กขับเสมหะได้ไม่ดี กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคหัวใจเรื้อรัง เมื่อติดเชื้อไวรัส RSV จะมีอาการรุนแรงมากขึ้น เพราะกลไกในการไอและขับเสมหะของร่างกายไม่ดีเท่าที่ควร

          เมื่อเด็ก ๆ ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับเชื้อ RSV จะมีแนวโน้มเป็นโรคหอบหืดได้ในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพ่อแม่เป็นโรคหอบหืด หรือเด็กมีภาวะเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด เช่น แพ้อาหาร แพ้นม มีผื่นภูมิแพ้ โดยจะมีความเสี่ยงเป็นโรคหอบหืดได้ตั้งแต่ 5-13 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง จากการวิจัยของโรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า ประมาณ 10% ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบขั้นรุนแรงมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส RSV

ลูกเป็นหวัดหรือติดไวรัส RSV ?
         เด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV มักจะมีอาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่สิ่งที่พ่อแม่สามารถสังเกตเห็นว่าลูกติดเชื้อ RSV คือ

         ไอมาก เสมหะเยอะและเหนียวข้น
         อาการหายใจหอบเหนื่อย หน้าอกบุ๋ม
         อาจมีเสียงหายใจดังวี้ด ๆ
         มีอาการซึม ไม่กินอาหารและน้ำ
         มักจะหงุดหงิด กระวนกระวาย
         มีสีเขียวคล้ำบริเวณริมฝีปาก หรือปลายมือปลายเท้า เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน

          หากลูกมีอาการไข้สูงในช่วงที่ไวรัส RSV ระบาด ก็ให้สงสัยว่าอาจได้รับเชื้อโรคมา ควรพาไปให้คุณหมอเช็กอย่างละเอียด โดยการตรวจร่างกาย ฟังปอด เพื่อฟังเสียงลมหายใจ ถ้ามีเสียงวี้ด จะพ่นยาขยายหลอดลมและฟังซ้ำว่าตอบสนองลักษณะใด รวมถึงการเอ็กซเรย์ปอดในรายที่สงสัยปอดอักเสบ

          การตรวจหาเชื้อนี้ทำได้โดยใช้อุปกรณ์พิเศษลักษณะคล้ายก้านสำลียาว ๆ เข้าไปกวาดเนื้อเยื่อในโพรงจมูก เพื่อส่งไปตรวจหาไวรัส RSV คล้ายกับที่ทำในไข้หวัดใหญ่

RSV ต้องรักษาตามอาการ
          การรักษาอาการติดเชื้อไวรัส RSV จะรักษาไปตามอาการที่ป่วย คือ ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือ ในเด็กที่มีอาการหนักอาจต้องให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ เคาะปอด แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กที่ขับเสมหะเองไม่ได้ ก็จะต้องช่วยดูดเสมหะ หรือหากมีอาการรุนแรงมากก็จะต้องได้รับออกซิเจน โดยคุณหมอจะพิจารณาว่าอาการอยู่ในระดับไหน สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้หรือต้องนอนโรงพยาบาล หากเด็กมีอาการไม่รุนแรง ก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ด้วยการกินยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และดื่มน้ำเยอะ ๆ 

ร่างกายแข็งแรงเกราะป้องกัน RSV
         เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส RSV ทำให้เด็ก ๆ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มาก ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้ลูกไม่ต้องเจ็บป่วยจากโรคนี้ คือ การมีร่างกายที่แข็งแรงและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

          ไวรัส RSV สามารถติดต่อได้จากสารคัดหลั่งในร่างกาย เช่น น้ำลาย น้ำมูก ไอ จาม จึงควรสอนให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ หลังจากทำกิจกรรม หรือก่อนกินอาหาร

          ฝึกให้ลูกใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
          ให้เด็กทารกได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
           ออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรคเป็นประจำ
          เมื่อลูกต้องอยู่ในอากาศที่หนาวเย็นอย่างในห้องแอร์ ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ
          ไม่ควรให้ลูกอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด
          หากลูกเคยได้รับเชื้อไวรัส RSV มาแล้ว ควรติดตามอาการต่อว่ามีความเสี่ยงจะเป็นโรคหอบหืดหรือไม่
          ถึงแม้ว่าไวรัส RSV จะมีอาการรุนแรงมากกว่าไวรัสหวัดทั่วไป แต่ถ้าหากดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรง ก็ปลอดภัยจากไวรัส RSV ได้

Thank : รักลูก
......................................................................................................

อย่าเปรียบเทียบหนูนะ !...

เรื่อง : เกื้อกูล 
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ : พญ.กุสุมาวดี คำเกลี้ยง จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต

          เคยไหม ที่ลูกวัย 3-6 ปีของเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แล้วเราเผลอเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่นโดยไม่เจตนา โดยลืมนึกไปว่าลูกเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดีแล้ว ที่สำคัญลูกก็ไม่ชอบให้ตัวเองถูกเปรียบเทียบด้วย

ยิ่งเปรียบเทียบ ยิ่งถอย
          เด็กวัยนี้ เป็นช่วงที่มีพัฒนาต่อยอดเกี่ยวกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความอดทน เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะด้านอารมณ์ สามารถเรียนรู้ได้ทุกอารมณ์แล้วค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกถูกเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน หรือกับพี่น้อง ก็อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกได้เช่นกัน

        พัฒนาการหยุดชะงัก โดยเฉพาะเด็กบางคนที่กล้ามเนื้อพัฒนามากขึ้น วิ่งเก่ง กระโดดสูง หรือเริ่มหัดปั่นจักรยาน เมื่อถูกเปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกลังเล สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเด็กบางคนที่พื้นอารมณ์เป็นคนอ่อนไหวง่าย พัฒนาการต่าง ๆ ก็จะหยุดชะงักทันที เช่น การหยิบจับปากกา ดินสอ พู่กัน ติดกระดุม หรือการช่วยเหลือตนเองในด้านต่าง ๆ จากที่ลูกเคยทำได้แล้วก็อาจจะกลายเป็นทำช้างลง หรือทำไม่ได้อีกเลย

        อารมณ์เชิงลบ ช่วงนี้ลูกรู้จักทุกอารมณ์หมดแล้ว โดยเฉพาะเด็กในวัย 3 ขวบ อารมณ์ของการแข่งขันและความอิจฉาจะมีอยู่สูง หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มส่งเสริมเรื่องการแข่งขัน ลูกจะยิ่งเพิ่มความรู้สึกที่อยากจะเอาชนะ แพ้ไม่ได้ และแบ่งปันให้ใครไม่เป็น หรือบางครั้งลูกก็อาจจะพาล เช่น ถ้าพี่ถูกเปรียบเทียบกับน้อง พี่ก็จะพาลไม่ชอบน้อง ซึ่งถ้าเขามีโอกาสอยู่กับน้องตามลำพัง เขาอาจกลั่นแกล้งน้องได้ และหากลูกถูกเปรียบเทียบบ่อย ๆ ก็จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกกลัว โมโห โกรธ หรือไม่พอใจ ผลกระทบที่ตามมาก็คือสมองและสติปัญญาของลูกจะไม่พัฒนา ส่งผลให้ความคิดสร้างสรรค์ในด้านต่าง ๆ ถูกระงับไป และลูกก็จะกลายเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ในที่สุด

        กระทบต่อความคิด จากคำพูดที่เปรียบเทียบ จะรู้สึกแย่กับตัวเอง เพราะคำพูดของผู้ใหญ่เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เด็กเห็นตัวตนของเขาเอง ถ้าเราสะท้อนทุกวันว่าเขายังทำไม่ดี ทำไม่เหมาะสม ยังคงไม่เก่ง โดยที่ลูกได้ยินอย่างนั้นอยู่ซ้ำ ๆ ก็ยิ่งจะทำให้เขาเชื่อว่าตัวตนของเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ แล้วเขาก็จะรู้สึกต่ำต้อย ไม่มีคุณค่าในตัวเอง

        พัฒนาการทางสังคมเสีย เมื่อเด็กถูกเปรียบเทียบบ่อย ๆ เขาจะรู้สึกหวงของมากขึ้น ไม่อยากเล่นกับใคร เพราะคิดว่าถ้าแพ้จะต้องสูญเสีย กลายเป็นคนเก็บตัว ทำให้ภาวะทางสังคมหรือการเล่นที่จะพัฒนาการเรียนรู้สูญเสียไปด้วย

          เด็กบางคนขาดความกระตือรือร้น หรือมีแรงจูงใจที่จะเรียนรู้น้อยลง เพราะถ้าเขาทำอะไรไปแล้วผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ หรือพูดอะไรในเชิงลบ ความสัมพันธ์ของเด็กกับบุคคลนั้นก็จะลดลง ความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือหรือเรียนรู้ก็ไม่เกิดขึ้น เป็นต้น

เปรียบเทียบอย่างไรให้ลูกรู้สึกดี
          ผู้ใหญ่บางคนอาจจะรู้สึกว่า ถ้าไม่เปรียบเทียบก็ไม่มีต้นแบบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการเปรียบเทียบจะทำให้ความรู้สึกดีที่มีต่อตัวเองน้อยลง เป็นผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากการเปรียบเทียบกับบุคคลที่ 3 เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา

          ควรให้ลูกได้ตรวจสอบและตักเตือนตนเองจะดีกว่า คือเป็นการเปรียบเทียบตัวเอง ณ ปัจจุบันกับตัวเขา ตอนที่มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับวัย เช่น ช่วงที่ลูกเคยแต่งตัวได้เอง กินข้าวเอง เก็บเสื้อผ้าเอง ผูกเชือกรองเท้าได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบเข้าไปเสริมว่า ชอบจังเลย น่ารักมาก หนูเป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ นี่แหละคือต้นแบบของเขา เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยอมรับ รู้สึกดี และเป็นสิ่งที่ลูกสามารถทำได้

เมื่อลูกถูกเปรียบเทียบ
          แม้คุณพ่อคุณแม่จะไม่เคยพูดเปรียบเทียบลูกเลย แต่ถ้าเขาต้องไปโรงเรียนหรืออยู่ในสังคมที่มีแต่การเปรียบเทียบ คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ดังต่อไปนี้

        สังเกตและพร้อมรับฟังลูกเสมอ บางทีเขาจะยังปะติดปะต่ออะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามรับฟังแล้วนำมาประติดประต่ออีกทีหนึ่ง ระหว่างนั้นอาจจะซักถามหรือพูดคุยกับลูกเพื่อที่อย่างน้อย การเล่าก็เป็นการระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา และเมื่อระบายออกมาแล้ว เขาก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น

        ช่วยลูกจัดการกับความรู้สึก ถ้าลูกกำลังโกรธ ก้าวร้าว หงุดหงิด โมโห คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าไปถามความรู้สึกของลูกทันที เช่น หนูกำลังโกรธอยู่ใช่ไหม โกรธเรื่องอะไร โกรธที่ผู้ใหญ่พูดแบบนี้ใช่ไหม เป็นเพราะหนูดื้อจริง ๆ หรือเปล่า จากนั้นจึงค่อยอธิบายเหตุผลให้ลูกฟังอีกครั้ง ว่าการที่ผู้ใหญ่พูดแบบนี้นั้น เป็นเพราะเขาหวังดีกับลูก เพียงแต่ผู้ใหญ่บางคนไม่รู้จะพูดกับลูกอย่างไรดี เพื่อให้เขาได้เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่และสามารถจัดการกับความรู้สึกในใจของตัวเขาเองได้

        สวมบทบาทสมมติสะท้อนความรู้สึกลูก บางครั้งการอธิบายเหตุผลให้ลูกเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก แต่หากลองให้ลูกได้เล่นบทบาทสมมติดู เช่น ให้ลูกเล่นเป็นคุณครูที่โรงเรียน จากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ถามความรู้สึกของลูกดู "ถ้าหนูเป็นคุณครูหนูรู้สึกอย่างไร" ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกได้ตอบและสัมผัสความรู้สึกที่อยู่ในใจลึก ๆ ของผู้ใหญ่

          เพราะว่าเด็กบางคนอ่อนไหวกับคำพูดของผู้อื่น ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกแล้วช่วยกันแก้ไข เขาก็จะแยกแยะได้ว่า ภาพที่คนอื่นมองนั้นเป็นเพราะไม่รู้จักเขา แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเขาเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเขาเอง เชื่อมั่นในความดีของเขา อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ให้คุณค่ายืนยัน สนับสนุนและยอมรับในสิ่งที่ลูกทำ ปัญหาด้านพัฒนาการต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน...
Thank : รักลูก
.............................................................................................

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กระทงหัวปลี...


          วันพรุ่งนี้ (28/11/55) เป็นวันเพ็ญ เดือน 12 หรือวันลอยกระทงที่เรารู้จักกันไป ทั่วโลก จนกลายเป็นเทศกาล นานาชาติ ไปแล้ว ไหนๆแล้วก็ได้นำเรื่องการทำ “กระทงจากวัสดุธรรมชาติ” มาบอกซ้ำ เผื่อว่าใครจะลอง “ทำลอย-ทำขาย...คลายเครียด” กัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาดูกันต่ออีกรูปแบบหนึ่งแล้วกันครับ!!
  
         สำหรับอีกรูปแบบนี้ เป็น “กระทงจากหัวปลี” ไอเดียของ อนุพงษ์ ภูสีเขียว ในฐานะนักศึกษาสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ทั่วไป-ธุรกิจงานประดิษฐ์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ทั้งนี้ กระทงธรรมชาติรูปแบบนี้ ส่วนประกอบที่ใช้ทำต่อ 1 กระทงก็มี... หัวปลี 2 หัว, ต้นกล้วยทำฐานกระทง ขนาด 8 นิ้ว, ใบตอง, ดอกรักหรือดอกไม้อื่น ๆ สำหรับตกแต่งให้สวยงาม, ธูป-เทียน, ไม้กลัดหรือตะปูเข็ม ส่วนอุปกรณ์หลัก ๆ คือ มีด กรรไกร


      วิธีทำเริ่มจาก...
1. ตัดใบตองเป็นวงกลมให้มีขนาดเท่ากับต้นกล้วยที่ใช้ทำเป็นฐานกระทง แล้วนำมาปิดทับบนฐานกล้วย พักไว้

2. เตรียมกลีบหัวปลี ด้วยการใช้มีดเลาะปลีกล้วยออกทีละกลีบ โดยเก็บเกสรกล้วยไว้ จากนั้นแยกสีของกลีบหัวปลีเรียงกันไว้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

3. ชั้นที่ 1 ติดเกสรกล้วยกับฐานกระทงให้รอบ ยึดด้วยไม้กลัดหรือตะปูเข็ม ชั้นที่ 2 ใช้ปลีกล้วยที่มีสีอ่อนที่สุดพับครึ่งโดยนำด้านในออก ติดให้รอบฐานกระทง ชั้นที่ 3 ใช้ปลีกล้วยสีกลางติดโดยรอบ ส่วนชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ใช้ปลีกล้วยสีเข้มที่สุดติดโดยรอบ
   
4. นำดอกรักหรือดอกไม้ชนิดอื่น ๆ มาติดเรียงกันให้รอบฐานกระทง โดยยึดด้วยไม้กลัดหรือตะปูเข็ม

5. นำธูป เทียน ปักกลางกระทง ก็จะได้กระทงจากปลีกล้วยที่สวยงาม พร้อมนำไปลอย หรือขาย

     ทั้งนี้ กระทงแบบนี้ถ้าทำได้สวยก็อาจตั้งราคาขายได้ใบละกว่า 100 บาทขึ้นไป ส่วนยามนี้แม้น้ำจะท่วม แต่ถ้าใครพอจะหาวัตถุดิบมาทำได้ นี่อาจไม่เพียงแค่ทำลอยเองแก้เครียดในวันลอยกระทง 28 พ.ย.นี้…
   
อาจเป็น “ช่องทางทำกินเฉพาะกิจ” ก็ได้นะครับ!!.

Thank : ไกรเลิศ พึ่งบุญ ณ อยุธยา
............................................................................................

สุดยอดคาถา..อิติปิโสถอยหลัง!!

          บท อิติปิโส ถอยหลัง เมื่อสมัยพุทธกาล มีเหล่าพระสงฆ์อยู่กลุ่มหนึ่งได้ออกธุดงค์ไปในป่าเขาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นป่าที่ว่ากันว่า ไม่มีนักบุญท่านใดอยู่ได้นาน เพราะมักจะมีเหล่าอสูรกายมาหลอกหลอน ให้ตบะพังจนสติแตกอยู่ร่ำไป พระสงฆ์กลุ่มนี้ได้ปักกรด และจำศีลอยู่ที่นั่น ซึ่งมีกันทั้งหมด 8 องค์ ตกกกลางคืน เหล่าอสูรกายก็ออกฤทธิ์ ทั้งหัวเราะทั่วหุบเขา ทั้งแปลงเป็นผี ควักไส้พุง ตาถลน 

          ทั้งหมดกลัวสุดขีดแต่ได้ตั้งสติและสวดมนต์ โดยเฉพาะอิติปิโส แต่พอสวด อสูรกายกลับกลายร่างเป็นยักษ์โล้น (ร่างแท้ๆ) ปัดกลดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ทั้งหมดทุกท่านโกย..โกยเถอะโยม..ม และนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า ได้ให้บทสวด อิติปิโส แต่ให้สวดถอยกลับ เพื่อไปปลดปล่อยยักษ์ตนั้นที่หวงที่ เหล่าพระสงฆ์เหล่านั้น ก็กลับไปที่เดิม ตกกลางคืน มาอีกหนักกว่าครั้งที่แล้ว 

           ทั้งพายุ***ฝนทั้งฟ้าผ่า และมันกำลังจะกระทืบไปที่เหล่าพระสงฆ์กลุ่มนั้น ทั้งหมดห้อมล้อมและท่อง อิติปิโส ถอยหลัง ยักษ์ตนนั้น ปวดหัวทรมานอย่างแรง จนต้องอ้อนวอนให้พระสงฆ์กลุ่มนั้นหยุดท่องคาถานี้ หัวหน้าคณะได้ให้ยักษ์สาบานด้วยวาจาสัตย์ว่าต้องไม่ทำร้ายใครอีก และต้องจำศีลเพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารที่เป็นอยู่นี้ ยักษ์จึงตกลง..และในที่สุดก็มาเป็นบทคาถาบทหนึ่งที่ไม่ใช่แค่คุ้มครองผู้สวดแล้ว ยังป้องกันภัยอันตรายทั้งหลาย ยามจำเป็นต้องพักในที่ที่เราไม่คุ้นเคย... 

          คาถาบทนี้มี 56 ตัว ให้ภาวนา 3 หรือ 7 คาบ ก่อนออกเดินทางไปสารทิศใด ๆ จะแคล้วคลาดปราศจากทุกภัยพิบัติทั้งปวง หากภาวนาได้ครบ108คาบ ติดต่อกัน จะมีตัวเบา เดินตัวปลิว เสกหรือสะเดาะเคราะห์ สะเดาะกุญแจ หรือโซ่ตรวนของจองจำทั้งปวงได้สิ้น 

ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา 

นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ 

สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ 

นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ 

สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา 

วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ 

อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิ ฯ

Thank : บอร์ดพลังจิต
..............................................................................................

ผู้มีวุฒิภาวะ


          วุฒิภาวะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับ ความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืน เรามักได้ยินคำว่า วุฒิภาวะทางอารมณ์ วุฒิภาวะในการดำรงชีวิต วุฒิภาวะในการตัดสินใจ ฯลฯ 

          วุฒิภาวะหมายถึงอะไร บางคนอาจคิดว่าหมายถึงคนสูงอายุ แต่เราทราบดีว่าไม่ใช่แน่นอน ผู้สูงอายุควรจะมีวุฒิภาวะในการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์และการกระทำ เนื่องจาก ผู้มีอายุมากได้มีโอกาสผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิตน่าจะนำประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ มาแล้วสร้างวุฒิภาวะให้กับตนเอง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป 

          คำว่า วุฒิภาวะ ตรงกับภาษาอังกฤษ Maturity แปลว่า ภาวะที่ได้รับการพัฒนาเต็มบริบูรณ์ คนนั้นมีคุณสมบัติ คุณภาพเต็มตัวในด้านบุคลิกภาพและพฤติกรรมด้านอารมณ์ ส่วนในภาษาไทย คำว่า "วุฒิ" แปลว่า ภูมิรู้ ความเจริญ ความงอกงาม ความเป็นผู้ใหญ่ และคำว่า "ภาวะ" แปลว่า ความมี ความเป็น ความปรากฏ ฉะนั้นในความหมายของคำว่า วุฒิภาวะ พอสรุปได้ว่าคือ ความมี ความเป็น ความปรากฏ ที่เป็นภูมิรู้ ความเจริญ ความงอกงาม ความเป็นผู้ใหญ่ทางบุคลิกภาพและพฤติกรรม ทางอารมณ์ 

          บุคลิกภาพประการหนึ่งที่แสดงออกถึงความเป็นผู้มีวุฒิภาวะคือ ความตระหนักในความ รับผิดชอบ ผู้มีวุฒิภาวะเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูงในทุกด้าน เช่น ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ที่ทำอยู่ ความรับผิดชอบต่อชีวิตตนเองไม่ผลักภาระหน้าที่ที่เป็นของตนไปให้ผู้อื่น ความ รับผิดชอบต่อสังคม ความรับผิดชอบต่อครอบครัว ความรับผิดชอบต่อความเป็นศาสนิก ฯลฯ 

          เนื่องจากความจำกัดในหน้ากระดาษ ดังนั้นผมขอเน้นย้ำเป็นพิเศษเรื่องความรับผิดชอบ ต่อชีวิตตนเอง เราจะต้องตระหนักในความจริงว่า ความเจริญรุ่งเรืองหรือความตกต่ำ ความเป็น คนดีหรือคนเลว เป้าหมายชีวิตจะเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร เราต้องเป็นผู้ตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง การตอบสนองต่อแรงรบเร้า แรงกระตุ้น แรงเสียดสี เราเองจะต้องตัดสินใจอย่างผู้มีวุฒิภาวะ ไม่ใช่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามแรงชักนำหรือตามกระแสโลกาวิวัตน์ 

           บุคคลที่ปัดความรับผิดชอบในชีวิตของตนเองจะเป็นคนโลเลและมองโลกในแง่ร้าย ชอบแก้ตัวและโยนความผิดให้กับผู้อื่น เช่น นักเรียนนักศึกษาแก้ตัวไม่ไปเรียนอ้างว่าอาจารย์ สอนไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเรามีความรับผิดชอบต่อตนเองจะต้องขวนขวายหาทางที่จะต้องรู้และเข้าใจ ให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้ความไม่รู้ดำเนินต่อไปผู้ขาดทุนคือตัวเรา เราต้องถามว่าทำไมคนอื่นเขา รู้เรื่องแต่เรากลับไม่รู้ เพราะฉะนั้นเราควรกระตือรือร้นหาทางช่วยตนเองให้รู้และเข้าใจให้ได้ บางคนลางานทิ้งงานกลายเป็นคนตกงานเพียงเพราะถูกตำหนิและหุนหันพลันแล่น ตัดสินใจ ลาออกด้วยเพียงรู้สึกน้อยใจ เมื่อเราตกงานคนรอบข้างต้องลำบาก ตัวเองลำบาก ถ้าเรามีวุฒิภาวะ เราคงใช้สติพิจารณาและเลือกการตอบสนองอย่างรอบคอบและสร้างสรรค์ นั่นจะทำให้ทั้งตัวเอง และบุคคลรอบข้างได้รับประโยชน์สูงสุด 

           หวังว่าแต่ละคนจะมีวุฒิภาวะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรับผิดชอบต่อ ชีวิตของตน จำไว้เสมอว่าการเรียนรู้ การรับฟังจากผู้อื่นเป็นเรื่องดีและมีประโยชน์ แต่การให้ คนอื่นรับผิดชอบชีวิตแทนตนเป็นเรื่องให้โทษแก่ตนเองและผู้อื่น
..................................................................................................

มองให้ลึก"แรงเงา"ชึ้สถาบันครอบครัวสำคัญ

รพ.เด็กแนะมองให้ลึก"แรงเงา"ชึ้สถาบันครอบครัวสำคัญ ระบุฝาแฝดไม่ใช่เงาของกันและกัน
           จาก ละคร"แรงเงา"ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วบ้านทั่วเมืองขณะนี้ นอกจากจะมีความสนุกสนานและเข้มข้นของบทละครแล้ว หากดูให้ลึกลงไป ละครเรื่องนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก การเลี้ยงดูในวัยเด็กที่ส่งผลระยะยาว จนกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของลูกเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

           โดย เฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงดูลูกฝาแฝด ย่อมละเอียดอ่อนกว่าการเลี้ยงดูพี่น้องทั่วไป ด้วยความที่พี่น้องฝาแฝดเกิดมาแทบจะพร้อมกัน รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกัน ทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่คาดหวังว่าลูกฝาแฝดจะต้องมีบุคลิกและลักษณะนิสัยเหมือนกัน เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น จึงเกิดการเปรียบเทียบ และกลายเป็นปัญหาการเลี้ยงดูได้ในที่สุด

          พญ.รัตโนทัย พลับรู้การ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ในความเป็นจริงแล้วฝาแฝดก็เหมือนพี่น้องธรรมดาทั่วไป แม้จะมีหน้าตาเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีบุคลิกหรืออุปนิสัยเหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ มักคาดหวังให้ลูกฝาแฝดเหมือนกันทุกประการ เมื่อคนหนึ่งทำผิด ก็จะนำไปเปรียบเทียบกันลูกอีกคน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาได้

           คุณพ่อ คุณแม่ควรเข้าใจก่อนว่าพี่น้องทะเลาะกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ สำหรับลูกฝาแฝดก็ไม่มีข้อยกเว้น ในทางกลับกัน ฝาแฝดมีแนวโน้มจะทะเลาะกันมากกว่าพี่น้องทั่วไป เพราะยิ่งเด็กมีอายุใกล้เคียงกันมากเท่าไร ทั้งยังเพศเดียวกัน ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะทะเลาะกันมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ ควรทำก็คือ ปฏิบัติต่อลูกอย่างเท่าเทียม ซึ่งไม่ได้หมายถึงการแต่งตัวเหมือนกันให้ลูกฝาแฝด หรือบังคับให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษอย่างเดียวกัน แต่หมายถึงการให้ลูกแต่ละคนได้เป็นตัวของตัวเอง โดยมีพ่อแม่ให้ความรัก ความเข้าใจ กำลังใจ และกอดสัมผัสลูกทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน


 
           พญ.รัตโนทัย ยังกล่าวอีกว่า นอก จากนี้ พ่อแม่ที่มีลูกฝาแฝดยังอาจประสบปัญหาลูกทั้งสองชอบแข่งขันกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำเพื่อช่วยลดความขัดแย้ง คือ หากิจกรรมให้ลูกทำร่วมกัน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการแข่งขัน เช่น หากมีการเล่นเกม ก็ควรให้ลูกอยู่ทีมเดียวกัน โดยมีคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นคู่แข่ง แทนที่จะให้ลูกแข่งกันเอง สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ควรกล่าวชมเมื่อลูกร่วมมือกันทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ มากกว่าการทำโทษเมื่อลูกขัดแย้งกัน

          คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองต้องไม่ลืมว่า ฝาแฝด ก็คือคนสองคน ชีวิตสองชีวิต ที่มีความแตกต่างในตัวเองแม้เขาจะเกิดมาพร้อมกัน แต่พวกเขาไม่ใช่เงาของกันและกัน ดังนั้นแต่ละคนย่อมมีความชอบ และมีลักษณะนิสัยต่างกันได้ คุณ พ่อคุณแม่จึงไม่ควรคาดหวังให้ลูกฝาแฝด ต้องชอบอะไรเหมือนๆ กัน แต่ควรเปิดโอกาสให้ลูกแต่ละคนเลือกเสื้อฝาที่ตนเองชอบ เข้าร่วมกิจกรรมที่แต่ละคนสนใจ โดยไม่ต้องเปรียบเทียบในข้อบกพร่องของลูกทั้งสอง แต่ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจลูกอย่างเสมอภาค ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่นั่นเองที่จะสร้างปมในใจลูก จนกลายเป็นปัญหาพฤติกรรมตามมาดังที่เราเห็นจากภาพ ที่เห็นในตัวละคร" พญ. รัตโนทัยกล่าว 

Thank : มติชน
..................................................................................................