พฤติกรรมเหล่านี้อาจเปรียบได้กับยอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ออกมาให้สังคมได้เห็น ส่วนรากลึกของปัญหานั้น ไม่ควรโทษครู โทษโรงเรียน หรือโทษเพื่อนบ้านที่ฝากลูกให้เขาเลี้ยง ฯลฯ เพราะตัวการที่แท้จริงก็คือ พ่อแม่นั่นเอง ซึ่งเราลองรวบรวมพฤติกรรมการละเลยลูกท็อปฮิตของบรรดาพ่อแม่ที่ทีมงานมีโอกาสได้สัมผัสมาบอกเล่ากัน โดยในวันนี้ขอนำเสนอทั้งสิ้น 6 ประการ
1. ไม่ดูแลจัดเตรียมเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมให้กับลูก
เด็กๆ หลายคนไปโรงเรียนโดยสวมชุดนักเรียนที่ไม่ได้ ซัก - รีด ให้เรียบร้อย บางคนก็มาพร้อมทรงผมที่ดูกระเซอะกระเซิง ปะแป้งแค่พอผ่าน รองเท้าถุงเท้าไม่สะอาด หรือไม่ก็ผิดระเบียบไปเสียเลย เด็กๆ เหล่านี้ แม้จะออกจากบ้านมาโดยที่พ่อแม่ไม่คิดอะไร แต่เมื่อถึงโรงเรียน เด็กอาจถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากคุณครู เพื่อน หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองของเพื่อน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เด็กรู้สึกโดดเดี่ยว จิตใจหดหู่ และส่งผลให้มีพัฒนาการในด้านต่างๆ ช้ากว่าเด็กทั่วไปได้
ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลเครื่องแต่งกายของลูกให้เหมาะสมกับกาละเทศะนั้นสามารถทำได้แม้จะเป็นเสื้อผ้าชุดเก่า เพียงแค่มีการซักรีดอย่างใส่ใจ มีการเก็บรักษาอย่างดี เสื้อผ้า หรือเครื่องใช้ก็พร้อมจะขาวสะอาด และอยู่กับเราไปนานๆ ได้เช่นกัน ซึ่งการใส่ใจเหล่านั้นของพ่อแม่ยังทำให้เด็กได้ซึมซับวิธีถนอมของใช้ด้วยอีกทางหนึ่ง
2. ไม่ใส่ใจในการเรียนรู้ของลูก
การไม่ใส่ใจในการเรียนของลูกที่พ่อแม่แสดงออกอาจเป็นได้หลายทางเช่น
- ฝากลูกไว้กับโรงเรียน หรือโรงเรียนกวดวิชา พ่อแม่มีหน้าที่เพียงมารับ หรือส่งพี่เลี้ยงมารับลูกกลับบ้านเท่านั้น
-ไม่สนใจดูแลลูกเรื่องการบ้าน งานที่คุณครูมอบหมาย
- ไม่ทราบว่าลูกได้ทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนในเรื่องอะไรบ้าง ได้ความรู้อะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ตลอดจนปัดความรับผิดชอบในการจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ฯลฯ
- ไม่ทราบว่าลูกทำกิจกรรมอะไรบ้างหลังเลิกเรียนโรงเรียน
- เปิดโอกาสให้ลูกใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ทีวี โทรศัพท์มือถือ หรือเข้าถึงสื่ออื่นๆ ได้ตามใจชอบ
- ไม่จัดหากิจกรรมเสริมในสิ่งที่ลูกสนใจหรือมีความถนัดให้เพิ่มเติม
ซึ่งอาจารย์บางท่านก็มีกรณีตัวอย่างของคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ใส่ใจในการเรียนของลูกขั้นรุนแรง โดยพ่อแม่กลุ่มนี้ตั้งเป้าแต่เพียงว่า เมื่อลูกได้เข้าโรงเรียนแล้ว ก็จะฝากลูกไว้กับโรงเรียน - คุณครูให้รับผิดชอบทุกความเป็นไปของลูก โดยพ่อแม่ขอทำงานหาเงินแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ขอรับทราบถึงพฤติกรรม หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดกับตัวลูกในสังคมโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผู้ปกครองในกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มที่สร้างความลำบากใจให้กับคุณครู และโรงเรียนเป็นอันมาก
3. ประพฤติตัวไม่เหมาะสมต่อหน้าลูก
ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินเหล้าเมายา เอะอะโวยวาย ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างคู่สมรส หรือมีพฤติกรรมที่มีปัญหา สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยรวม เช่น มีปัญหากับเพื่อนบ้านเป็นประจำ ประพฤติตัวเบียดเบียนคนอื่น ขับรถมารับลูกก็ไม่รักษากฎจราจร ฉุนเฉียว ปาดหน้าคันอื่น สบถ ฯลฯ เป็นต้น
นอกจากนั้น การมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่สมรสของตนเอง หรือการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นให้ลูกได้เห็น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการไม่ให้เกียรติ เห็นแก่ตัว และขาดการใส่ใจในจิตใจของลูกเป็นอย่างมาก
4. ใช้คำพูดทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า
เด็กทุกคนล้วนแต่อยากเป็นเด็กที่มีคุณค่าในสายตาของพ่อแม่ แต่การที่พ่อแม่ไม่เคยแสดงออกให้พวกเขารับทราบว่า ลูกสำคัญต่อพ่อแม่ขนาดไหนนั้นเป็นสิ่งที่เด็กยากจะทานทน บางคนอาจนำไปเปรียบเทียบกับครอบครัวของเพื่อน และนึกน้อยใจ เสียใจ เกิดเป็นปมด้อย ฯลฯ ไม่รวมถึงการใช้คำพูดไม่ดีกับเด็กต่าง ๆ นานา เช่น การบอกลูกว่าเกลียด การใช้กำลังตบตี การประชดประชันด้วยท่าทีมึนตึง
5. เรียกร้องหรือตั้งเป้าให้ลูกเป็นในสิ่งที่ลูกไม่สามารถเป็นได้
ไม่ว่าการเรียกร้องนั้นๆ จะเป็นอะไร ให้ลูกเป็นหมอ ให้ลูกเป็นนักกีฬาชื่อดัง ให้ลูกไม่มีพฤติกรรมทางเพศเบี่ยงเบน ให้ลูกเป็นคนเก่ง ให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้ ฯลฯ แต่มันก็คือความคาดหวังจากพ่อแม่ที่เด็กคนหนึ่งต้องแบกรับ หากเด็กมีศักยภาพที่จะเป็นในสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังได้ และเด็กมีความพอใจที่จะทำ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของครอบครัว แต่หากเด็กไม่ถนัด ไม่ชอบ หรือเบี่ยงเบนออกจากเป้าหมายที่พ่อแม่วางไว้ โดยที่พ่อแม่ไม่ยอมทำความเข้าใจ นั่นคงไม่ผิดหากจะบอกว่า คุณเป็นพ่อแม่อีกคู่หนึ่งที่ละเลยต่อธรรมชาติของลูก
6. ไม่เคยมีเวลาให้ลูก
ในกลุ่มนี้ อาจเป็นพ่อแม่ที่ยังสนุกกับงานประจำ งานอดิเรกที่ทำ หรือสังคมที่เคยมี จนลืมไปว่า เมื่อเป็นพ่อแม่แล้ว หน้าที่หลักของคุณคือการเลี้ยงดูปลูกฝังลูกให้เป็นคนดี พ่อแม่บางรายก่อนมีลูกทำงานกลับบ้านดึกดื่น พอมีลูกก็ยังคงทำงานเลิกดึกต่อไป ส่วนลูกที่เกิดขึ้นมาก็ต้องฝากคนอื่นดูแล ฝากคนอื่นไปรับ-ส่งลูก ฝากคนอื่นสอนการบ้านลูก ทานข้าวเย็นบ้านคนอื่น กลับถึงบ้านก็ส่งเข้าห้องนอน เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่สถาบันครอบครัวจะเข้มแข็งได้
สำหรับแนวทางแก้ไข หากคุณเป็นหนึ่งในพ่อแม่ที่ (เคย) ละเลยลูกๆ ก็คือ ลองพยายามหาเวลาสักนิด ไปรับลูกที่โรงเรียนบ้าง แล้วสังเกตพฤติกรรมพ่อแม่ของเพื่อน ๆ ลูกว่าเขาปฏิบัติตัวกับลูกกันอย่างไร เขาใส่ใจ หรือดูแลลูกๆ กันอย่างไร เพราะสำหรับพ่อแม่บางท่าน การได้ศึกษาถึงพฤติกรรมของพ่อแม่คนอื่น และจดจำสิ่งดี ๆ นำกลับมาใช้กับครอบครัวของตนเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
ที่สำคัญ การสังเกตความแตกต่างของผู้คนรอบข้าง อาจทำให้พ่อแม่ที่ละเลยลูกเริ่มตระหนักว่าสิ่งที่ตนทำมานั้นคือสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะได้นำไปสู่การทำใจยอมรับความผิดพลาดในอดีตของตนเอง รวมถึงการตั้งใจจริงที่จะแก้ไขพฤติกรรมให้ดีขึ้นกว่าเดิม
Thank : Life & Family
............................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น