tororichclub

tororichclub

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ระวังภัย แก้วน้ำเคลือบยา


          เตือนภัยร้ายที่อาจเกิดกับคุณหรือคนใกล้ตัวคุณ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพี่สาวของจอยเองค่ะ เธอชื่อ พี่แก้ว  พี่แก้วอายุ 40 ต้นๆ เป็นหญิงร่างเล็ก หน้าตาคมคายจัดว่าสวยเลยทีเดียวค่ะ  พี่แก้วเป็นคนมีรถแต่ไม่ชอบขับรถจึงชอบใช้บริการของรถปอ.และรถตู้เป็นประจำ

          ประมาณเดือน ธ.ค. 2552 วันนั้นเธอไปทำธุระแถวสุทธิสาร เวลาประมาณ 17.30 น. พี่แก้วกำลังยืนรอรถตู้เพื่อจะกลับบ้านแถวดาวคะนองขณะที่ยืนรอรถ มีคุณป้าคนหนึ่ง  ยื่นแก้วน้ำซึ่งบรรจุน้ำกับน้ำแข็งให้ พร้อมพูดว่า " หนูจ๋าช่วยถือแก้วให้ป้าหน่อยจ้ะ ป้าขอหยิบของในกระเป๋าประเดี๋ยวนึง " หลังจากที่ช่วยถือแก้วให้คุณป้า เพียงไม่ถึง 5 นาที ก็รู้สึกว่าตัวเองชามากๆ และไม่สามารถ บังคับตัวเองได้ แถมยังเดินตามคุณป้าขึ้นรถตู้คันที่จอดรออยู่ข้างหน้าไปหน้าตาเฉยเลย พี่แก้วรับรู้ถึงความไม่ปกติ เธอพยายามต้อต้าน กับความผิดปกติของร่างกาย มันทรมานมากๆ ด้วยความที่เธอเป็นคนฉลาดจึงแกล้งทำเป็นหลับ เธอสังเกตว่าในรถตู้คันนั้นมีเหยื่ออีก 2 สาว ซึ่งคงจะถูกหลอกมาจากที่อื่น อาการทั้ง 2 คนนั้น หมดสติค่ะ นอกจากเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้วยังมีป้ามหาภัยกับผู้ชายวัยกลางคน 1 คน เป็นคนขับ และอีก 1 คนนั่งเคียงข้างกันอยู่หน้ารถ ระหว่างทางทั้ง 3 คนไม่มีบทสนทนาใดๆเลย

          หลังจากที่พี่แก้วขึ้นรถแล้วพวกมันก็ขับรถวนอนุสาวรีย์ชัยฯอยู่ประมาณ 4 รอบ หลังจากนั้นรถก็ขึ้นทางด่วนมุ่งตรงไปจ.ชลบุรี มันก็ขับวนไปวนมาจนไปจอดที่หน้า Lotus พัทยา ขณะนั้นเป็นเวลา เกือบ 4 ทุ่ม พวกมันเข้าใจว่าพี่แก้วหลับอยู่ พวกมันทั้ง 3 คนลงไปคุยกันข้างหน้าของห้างโลตัส ทิ้งเหยื่อไว้ลำพัง เมื่อพี่แก้วลืมตาแอบดูก็พบว่าประตูแง้มอยู่นิดนึงพอจะมีทางรอดทางเดียว แต่ต้องเสี่ยง จึงรวบรวมพลังในร่างกายทั้งหมดเลื่อนประตูกระโดดลงมาและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งหนีมาแต่ตัวจริง ๆ เลยค่ะส่วนกระเป๋าสะพายซึ่งบรรจุเงินและโทรศัพท์มือถือ อันตรธารหายไปโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่ ในรถตู้แล้วล่ะค่ะ พี่แก้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พี่มอเตอร์ไซค์ก็ใจดีขี่รถพาพี่แก้วมาที่สถานีรถประจำทางซึ่งเ่วลานั้นเป็นเวลาที่รถทุกคันหยุดเดินรถ (ดึกมากแล้วประมาณ 4-5 ทุ่ม) พลันเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนนั่งรอรถอยู่เหมือนกัน จึงเข้าไปเล่าเหตุการณ์ให้ฟังพร้อมฝากพี่แก้วไว้กับ ชายคนนั้น ชายคนนี้เป็นวิศวกรพอเห็นว่าคงไม่สามารถพาตัวเองและพี่แก้วกลับกรุงเทพได้เนื่องจาำกไม่มีรถโดยสารจริง ๆ จึงโทรศัพท์หาวิศวกรรุ่นน้องให้มารับที่สถานีเพื่อไปส่งปลายทางที่บางนา หลังจากนั้นไม่นาน รถรุ่นน้องก็ขับเข้ามาจอดเทียบ วิศวกรรุ่นพี่และพี่แก้วก็ขึ้นรถไปด้วยกัน

          ระหว่างทางพี่แก้วก็ใจเต้นตูมตาม กลัวว่าจะหนีเสือปะจรเข้ นั่งรถไปก็ภาวนาไปให้พระคุ้มครอง จนรถแล่นมาถึงและจอดที่แยกบางนา พี่แก้วก็เอ่ยปากขอยืมเงินวิศวกรคนนั้น(แค่เศษเหรียญ)เพื่อใช้โทรศัพท์หาสามีให้มารับ คุณวิศวกรก็เลยให้ยืมโทรศัพท์ พร้อมเงินติดกระเป๋า ส่วนพี่แก้วก็ขอบคุณพร้อมยื่นนามบัตร(ที่ติดมาในกระเป๋าเสื้อ)ให้เผื่อว่าจะไป เที่ยวที่สวนลิ้นจี่ที่อัมพวา และก็ลาจากกัน ส่วนพี่แก้วไม่นานสามีก็ขับรถมารับกลับบ้าน พี่แก้วไม่สามารถฝืนร่างกายได้รีบบอกสามีให้ช่วยส่งโรงพยาบาลด่วน เมื่อไปถึงร.พ.ก็เล่าอาการให้หมอฟัง  

          หมอบอกว่า สมัยนี้มียาตัวใหม่ที่สามารถซึมซับเข้าสู่้ร่างกายทางผิวหนังได้ทันที อาการจะชาไปทุกส่วนของร่างกาย ส่วนพี่แก้วที่มีอาการแย่มากเนื่องจากร่างกายทำปฏิกิริยาต่อต้านกับฤทธิ์ยา จึงต้องนอนให้น้ำเกลือในร.พ. ถึง 3 วัน ยังโชคดีที่พี่แก้วไม่เป็นเหยื่อของพวกมันและยังได้วิศวกรช่วยชีวิตมาได้ค่ะ ส่วนเหยื่อที่เหลือ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร พี่แก้วบอกว่าวินาทีนั้นไม่ได้คิดถึงอะไรแล้วขอแค่เอาตัวให้รอดออกมาจากรถตู้ก่อน

          จึงอยากเตือนภัยพี่ ๆ เพื่อน ๆ ให้ช่วยส่งต่้อ mail นี้เยอะ ๆ นะคะ จากนั้นไม่นาน วิศวกรคนนั้นก็ได้ติดต่อขอไปเที่ยวที่สวนพร้อมแฟนสาว ส่วนพี่แก้วได้ใช้โอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณค่ะ

ข้อมูลจาก Forward Mail
......................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น