tororichclub

tororichclub

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

แม่บ้านแกงถุง สอนลูก “กินผัก” ...

แม่บ้านแกงถุง ถึงเวลาสอนลูก “กินผัก”
        “ณ วันนี้สถานการณ์การกินผักของเด็กไทยน่าห่วงมาก เพราะจากสถิติที่ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยมานั้นพบว่า เด็กหนึ่งคนจะกินผักเพียงวันละช้อนครึ่งต่อวัน ทั้งที่อย่างต่ำต้องกิน 12 ช้อน ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างจากเด็กที่กินเพียงแค่ 2 ช้อนต่อวัน จากที่ต้องกินถึง 24 ช้อน” สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย สะท้อนถึงปัญหาสถานการณ์ทางโภชนาการในการกินผักของคนไทยที่กำลังตกต่ำลง
       
       ยิ่งในเด็กด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะการที่เด็กกินผักลดน้อยลงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอและส่งผลต่อสุขภาพอย่างมาก
       
       “เมื่อเด็กสั่งอาหารเช่นข้าวขาหมู ก็จะกำชับว่า ไม่เอาผักกาดดอง ไม่ใส่คะน้า เน้นคากิมันๆ เพียงแค่นี้ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากการกินข้าวขาหมูอย่างเดียวโดยไม่มีเครื่องเคียงที่เป็นผักนั้น ไขมันที่ได้รับจากหมูก็จะดูดซึมเข้าร่างกายทันที แต่หากกินผักควบคู่ไปด้วย ไฟเบอร์ที่ได้จากผักคะน้า กากใยที่ได้จากผักกาดดองจะช่วยในการดูดซับไขมันไว้ นี่เองจะเป็นตัวสกัดกั้นไม่ให้ไขมันเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป”
       
       นอกจากนี้ การกินผัก ผลไม้เป็นประจำ ยังส่งผลให้เจ็บป่วยน้อย หรือหากต้องเจ็บป่วยก็จะฟื้นจากอาการได้เร็วกว่าคนที่ไม่กิน ขณะเดียวกันยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการเกิดมะเร็ง รวมทั้งมีวิตามิน ไฟเบอร์ที่จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายไปไปอย่างสะดวก ซึ่งทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ที่จะได้รับจากการกินผัก ผลไม้แทบทั้งสิ้น      
       นั่นคือ ความมหัศจรรย์ของผัก ที่ไม่ควรละเลย

อ.สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย       
แม่บ้านแกงถุง เหตุลูกไม่กินผัก
       อ.สง่า บอกว่า ปัจจุบันปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมการกินผักของเด็กเปลี่ยนไป คือ ผู้ปกครองสมัยนี้ทำกับข้าวไม่เป็น ซึ่งข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริงและเป็นสิ่งที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ อาจเนื่องมาจากเวลาที่เร่งรีบในแต่ละวัน หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากมายในเรื่องของอาหารการกิน จะเห็นได้จากครอบครัวในปัจจุบันนำปากท้องไปฝากไว้กับร้านอาหาร ข้าวแกงถุง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องบริโภคอาหารตามที่กำหนด เมื่อลูกปฏิเสธที่จะไม่กินผักก็จะไม่ซื้ออาหารเมนูผักเข้าบ้าน


       
       ยิ่งไปกว่านั้นตาม ร้านอาหาร และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ก็ทำให้เด็กมีปัญหากับการกินผักได้เช่นกัน ณ วันนี้หากเดินเข้าไปในร้านขายก๋วยเตี๋ยวบางร้าน เมื่อเขาเห็นว่ามีเด็กมาด้วยก็จะไม่ใส่ผักมาให้ เพราะเชื่อและคิดไปแล้วว่าเด็กไม่มีทางที่จะกินผัก หากใส่ไปในถ้วยเด็กก็จะเขี่ยทิ้ง นี่ก็เป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับร้านอาหารทั่วไป
       
       “เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมจะมีการเรียนรู้ หากเราไม่ได้เริ่มฝึกตั้งแต่พฤติกรรมการกินของเขาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นเราจะไปบังคับให้เขากินโน่น กินนี่ก็เป็นเรื่องยาก เมื่อลูกไม่กินผักก็อย่าตำหนิลูก ลองหันกลับไปมองดูว่าตัวเองว่าเคยฝึกฝนลูกแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดเมื่อขึ้นโต๊ะอาหารอย่างน้อย 1 เมนูต้องเป็นเมนูผัก ลองกลับไปมองโต๊ะอาหารที่บ้านก่อนว่าบนโต๊ะมีอาหารที่เป็นผักบ้างหรือไม่” อ.สง่า สะท้อนเรื่องราว
             
บังคับลูกกินผัก ไม่ใช่ทางออก       
       อีกปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เมื่อลูกไม่กินผักพ่อแม่ก็จะบังคับลูก ทำโทษลูก ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะเด็กในวัย 5-7 ขวบนั้น เมื่อยิ่งบังคับจะยิ่งต่อต้าน ดังนั้นจึงอยู่ที่ตัวผู้ปกครองเองโดยที่ต้องเริ่มฝึกลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แม่ต้องมีพฤติกรรมกินผักอย่างสม่ำเสมอ การที่แม่กินผักนั้นจะทำให้สารอาหารที่ผ่านทางสายรก ถ่ายทอดซึมซับไปสู่ลูก กลิ่นผักก็จะติดตัวลูกออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนอย่างมากในการสร้างพฤติกรรมให้ลูกกินผัก เมื่อคลอดออกมาแม่ก็ต้องบำรุงด้วยอาหารเมนูผัก และทุกมื้อที่กินข้าวต้องมีเมนูผักอยู่ด้วย
       
       “หากตอนนี้ลูกยังไม่กินผัก อยากให้ผู้ปกครองถามลูกดูว่า ลูกชอบและรู้จักผักอะไรมากที่สุด ก็ทำเมนูนั้นให้ลูกกิน แต่หากลูกไม่ชอบ ไม่รู้จักผักชนิดใดเลย แต่กลับบอกว่าชอบกินแต่เมนูไข่ ผู้ปกครองก็ควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสชวนลูกมามีส่วนร่วมในการทำอาหาร เช่น เมนูไข่ตุ๋น ให้ลูกช่วยทำไม่ว่าจะหกเลอะเทอะอย่างไรก็ไม่ต้องสนใจ ให้ลูกช่วยตีไข่ ใช้มีดหั่นแครอทเป็นลูกเต๋า แล้วเอาโรยลงไป ถั่วฝักยาวสีเขียว ฝักทองสีเหลือง ก็จะได้ไข่ตุ๋น 3 สี ที่มีสีสันน่ากินเป็นการชักจูงเด็กให้กินทางอ้อม เมื่อเขาได้กินฝีมือไข่ตุ๋นที่เขามีส่วนร่วมในการทำก็จะภูมิใจ และลูกก็จะได้กินผักอีกด้วยถึงแม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้น จากนั้นก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อย”
       
       อ.สง่า ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ผักก็จะเป็นตัวผสานใยรักภายในครอบครัวให้เกิดขึ้นได้ เพราะมีกิจกรรมหลายอย่างที่เป็นการสร้างการเรียนรู้ให้แก่ลูก เช่น การให้ลูกได้เห็นถึงวิวัตนาการก่อนจะมาเป็นผักที่กิน วิธีง่ายๆ คือ นำหอมแดงมาตัดปลาย ล้างน้ำทิ้งไว้ 1 วัน ทิ้งไว้ไม่นานต้นก็จะงอกขึ้นมา เมื่อลูกได้ลงมือทำเองเขาจะมีความตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลง เป็นการให้ลูกเรียนรู้ถึงที่มาของอาหารบนโต๊ะที่มีผักเป็นส่วนประกอบ การสอนลูกในวิธีดังกล่าวนี้เป็นการดึงลูกให้ออกห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ กลับมาเข้าครัว มีส่วนร่วมในการทำอาหาร

..................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น