tororichclub

tororichclub

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

อาหาร ล้างพิษ...

อาหาร 6 อย่างที่ช่วยล้างพิษ ต่อไปนี้เป็นอาหารที่แนะนำที่ช่วยให้สุขภาพดีโดยธรรมชาติ 
1.สูตรผสมน้ำผัก : น้ำดื่มจากผักที่มีชีวิตมีค่าความเป็นด่างสูง สูตรผสมน้ำผักคุณภาพสูง ๆ หาซื้อได้ในร้านขายอาหารในท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีส่วนผสมต่าง ๆ อย่างเช่น อัลฟัลฟ่า, ใบข้าวบาร์เล่ย์, วีทกราส, สไปรูไลน่า และคลอเรลล่า สุดยอดอาหารเหล่านี้ใช้กันมากในโปรแกรมล้างพิษ รวมไปถึงใช้ในการกำจัดโลหะหนักด้วย

2.น้ำมันมะพร้าว : เป็นที่ทราบกันว่าเป็นอาหารพื้นเมืองชั้นยอด ประโยชน์หลักที่มีต่อสุขภาพก็คือมันอุดมด้วยกรดลอริค (lauric acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดสายโซ่ยาวปานกลาง (medium-chain triglyceride) ที่มีพลังในการช่วยระบบภูมิคุ้มกัน, ป้องกันไวรัส, แบคทีเรีย และจุลชีพอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรค น้ำมันมะพร้าวไม่เหมือนกับน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันคาโนล่า คือมันไม่มีไขมันทรานส์ที่เป็นอันตราย หรือผ่านกระบวนการผลิตโดยใช้สารละลายเฮ็กเซน (hexane) ที่เป็นอันตราย

3.ผักใบเขียวเข้ม : ผักปวยเล้ง, ผักกาดใบหยิก, บ็อคซอย และใบบีทรูทอุดมด้วยสารอาหารและคลอโรฟิล ซึ่งเป็นรงควัตถุของพืชที่คอยควบคุมพลังงานจากแสงอาทิตย์ คลอโรฟิลมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย รวมไปถึงมีความสามารถในการจับเข้ากับโลหะหนัก อย่างเช่น สารปรอท และขับออกจากร่างกาย ให้เลือกผักใบเขียวที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ (ออร์แกนิค) รับประทานสด ๆ หรือนึ่งสักเล็กน้อย



4.กระเทียม : มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ อุดมด้วยสารประกอบซัลเฟอร์ และช่วยตับกำจัดพิษ

5.เครื่องดื่มเวย์โปรตีน : เวย์โปรตีนคุณภาพสูงจะให้อะมิโน แอซิด ชนิดเส้นสายที่แตกแขนง (branch chain anino acids) ซึ่งต้องการสำหรับรักษามวลกล้ามเนื้อและสะสมกลัยโคเจนไว้ในกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงานต่อเนื่อง อะมิโน แอซิด ชนิดเส้นสายแตกแขนง เช่น ลิวซีน (leucine), ไอโซลิวซีน (iaolwuxinw) และแวลีน (valine) เป็นอะมิโน แอซิด ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น อาหารที่จำกัดแคลอรี หรือการอดอาหารจึงทำให้เกิดการทำลายของกล้ามเนื้อลงได้

6.เปลือก Psyllium : ให้กากใยชนิดที่ละลายได้ในน้ำ ช่วยทั้งการดูดจับและขับของเสียออกไปทางลำไส้ใหญ่ มักจะใช้ ½ ถึง 2 ช้อนชา ละลายกับน้ำหนึ่งถ้วย ส่วนผลิตภัณฑ์ล้างพิษที่มีส่วนประกอบของมะขามแขก (senna) ควรหลีกเลี่ยงเพราะมันจะไปกระตุ้นทางเดินอาหารมากเกินไป

ที่มา: อาหาร&สุขภาพ
....................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น