tororichclub

tororichclub

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิตามิน...ไม่ต้องกินทุกวัน

คอลัมน์ คุยกับหมอ 3 บาท นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์
           วิตามินเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อชีวิต แต่ต้องการปริมาณน้อยเป็นมิลลิกรัมหรือไมโครกรัมต่อวัน ร่างกายจะนำวิตามินแต่ละชนิดไปสร้างสารช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย

           ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตสามารถสังเคราะห์วิตามินบางชนิดได้อย่างเพียงพอ ขณะที่บางชนิดก็จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร คนและสัตว์ต้องการวิตามินอย่างน้อย 13 ชนิดจากอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและการทำงานที่ปกติ เราจำแนกวิตามินออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ และวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน (มีอยู่ 4 ชนิดเท่านั้นคือ วิตามินเอ ดี อี และ เค)

           วิตามินกลุ่มที่ละลายได้ใน "น้ำ"

           วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ได้แก่ วิตามินบีต่าง ๆ และวิตามินซี

 วิตามินบี 1 พบมากในธัญพืช ข้าวซ้อมมือ นม และเนื้อสัตว์

           ถ้าขาด จะทำให้เป็นโรคเหน็บชา มือเท้าอาจจะบวม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน ไม่มีแรง และอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

 วิตามินบี 2 พบมากในนม เนื้อสัตว์และพืชผักใบเขียว

           ถ้าขาดจะเป็นโรคปากนกกระจอก คือมีแผลที่มุมปาก ลิ้นอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ เจริญเติบโตช้า

 วิตามินบี 3 (ไนอาซิน) พบมากในนม ไข่ เนื้อสัตว์

           ถ้าขาด จะทำให้ผิวหนังอักเสบ ท้องเดิน และสมองเสื่อม

 วิตามินบี 4 (กรดแพนโทรเทนิก) ช่วยในการสร้างเซลล์และลดความเครียดพบในอาหารเกือบทุกชนิดทั้งจากพืชและสัตว์ จึงไม่ค่อยพบการขาดวิตามินชนิดนี้

 วิตามินบี 6 พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี ผักและผลไม้ ช่วยการทำงานของระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือด

           ถ้าขาด จะอ่อนเพลีย โลหิตจาง ชาปลายมือ ปลายเท้า

 วิตามินบี 12 ช่วยทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ทุกชนิด (เนื้อสัตว์ นม เนย) ร่างกายมีความต้องการในวันหนึ่งๆ ต่ำมากในระดับไมโครกรัม จึงมีเก็บสะสมไว้ที่ตับเป็นจำนวนมาก เพียงพอที่จะใช้ได้นาน

           คนปกติมักไม่ขาดวิตามินนี้ แต่คนที่เป็นโรคบางอย่างจะทำให้ดูดซึมวิตามินนี้ไม่ได้ เมื่อขาดจะทำให้เกิดโลหิตจางที่รุนแรง อาจทำให้สมองและไขสันหลังพิการ

 ไบไอทิน ช่วยในการเจริญเติบโต แบคทีเรียในลำไส้ของเราสามารถสังเคราะห์วิตามินนี้ได้อย่างเพียงพอต่อความต้องของร่างกาย จึงไม่ค่อยพบการขาดวิตามินชนิดนี้

 กรดโฟลิก แบคทีเรียในลำไส้ก็สามารถสังเคราะห์ได้เพียงพอกับความต้องการ

 วิตามินซี วิตามินยอดนิยมโดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นเพราะมุ่งผลด้านผิวพรรณ ซึ่งวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมภูมิต้านทาน ช่วยในการสร้างผิวหนัง กระดูก ฟัน และหลอดเลือด

          ถ้าขาด จะเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ฟันหลุดง่ายๆ ปวดข้อ ข้อบวม แผลหายช้า ร่างกายติดเชื้อง่าย

           วิตามินกลุ่มที่ละลายได้ใน "ไขมัน"

 วิตามินเอ พบมากในนม ตับ-ไข่แดง ผักใบเขียวและใบเหลืองรวมทั้งผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือส้ม ช่วยในด้านการมองเห็นและการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง

           ถ้าขาด จะเป็นโรคตาบอดกลางคืน เยื่อบุตาและกระจกตาอักเสบ ตาแห้ง ผิวแห้งแข็ง ถ้าได้รับมากเกินไปจะเป็นพิษทำให้ปวดศีรษะ ปวดในกระดูก ผิวหนัง หลุดลอกและผมร่วง

 วิตามินดี พบมากในตับ นม ไข่ เนื้อสัตว์ ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เพียงพอกับความต้องการใช้ ถ้าผิวหนังได้รับแสงแดดที่พอเหมาะเป็นประจำ

           ถ้าขาด จะเป็นโรคกระดูกอ่อน ชักและกล้ามเนื้อเกร็ง ถ้าได้รับมากเกินไปจะเป็นพิษ ทำให้วิงเวียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย ท้องเดิน ระดับแคลเซียมในเลือดสูงซึ่งอาจเกาะกับเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น หลอดเลือด หลอดลม ไต

 วิตามินอี พบมากในน้ำมันพืช เนยเทียม ถั่ว และผักใบเขียว

          ถ้าขาด จะเกิดผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาท หัวใจแหลอดเลือดเกิดโลหิตจาง กล้ามเนื้อลีบ ถ้าได้รับมากเกินไปจะทำให้ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนล้าตาพร่ามัว ท้องเดิน

 วิตามินเค พบมากใน ผัก ไข่แดง โยเกิร์ต ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูกและฟัน ปกติแล้วเชื้อแบคทีเรียในลำไส้สามารถสังเคราะห์ได้อย่างเพียงพอ

           เหตุที่ต้องบรรยายยืดยาวในเชิงวิชาการเช่นนี้เพราะปัจจุบันพบว่าการตลาดของสินค้าสุขภาพและอาหารเสริมในบ้าน เรามักจะโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กินวิตามินกันมาก ๆ เพราะมีประโยชน์ ร่างกายจะได้แข็งแรง มีการแข่งขันกันหลายยี่ห้อว่าของตัวเองมีวิตามินเกลือแร่อยู่หลายชนิดแค่อ่านฉลากข้างขวดก็มากมายจนมึนแล้ว การให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวคือประโยชน์แต่ไม่ได้กล่าวเน้นถึงปริมาณความต้องการที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล รวมทั้งโทษของการได้รับสารเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้เกิดโทษตามมาได้

           นอกจากนี้ วิตามินที่ได้มาจากการสังเคราะห์ย่อมปลอดภัยน้อยกว่าวิตามินที่ได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ (ที่ถูกสุขอนามัย) คนทั่วไปที่กินอาหารได้ตามปกติครบทั้ง 5 หมู่ จะได้รับวิตามินต่าง ๆ เพียงพออยู่แล้ว แต่ถ้าอายุมากขึ้น กินอาหารได้น้อย หรือกินอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพอ ก็สามารถเสริมวิตามินเพิ่มได้แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลจึงจะไม่เกิดโทษ เช่น คนปกติทั่วไปที่ส่วนใหญ่ได้อาหารครบอาจกินวิตามินแบบรวมสัปดาห์ละครั้ง หรือวันเว้นวันก็ได้ โดยให้เลือกที่จำเป็นและเหมาะสม

           ถ้าเปรียบร่างกายเป็นรถยนต์ อาหารที่ต้องกินทุกวันก็เหมือนกับเชื้อเพลิงที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรง ซึ่งต้องหมั่นเติมอยู่ตลอด ส่วนวิตามินเปรียบเหมือนน้ำมัน เครื่องช่วยหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ให้ทำงานดีขึ้น จึงไม่สิ้นแปลงมาก นาน ๆ ก็เติมที ดังนั้น ในคนปกติจึงไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริมมากจนเกินไปเพราะอาจเกิดโทษได้

Thank : หมอชาวบ้าน
............................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น