ในช่วงวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ทำบุญ ชำระจิตใจให้สะอาด ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต และยังได้ถือศีลบำเพ็ญธรรมไปพร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่ผู้ปฏิบัติต่างก็มีความสุขทั้งทางกายและทางใจ หรือเทศกาลกินเจ
อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ จากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า สำหรับช่วงเวลาดี ๆ อย่างเทศกาลกินเจ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน กินเวลาประมาณ 10 วัน ตามธรรมเนียมนิยมแต่โบราณการกินเจ นอกจากจะต้องงดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจากสัตว์ เช่น ไข่ นม น้ำผึ้งแล้ว ยังห้ามบริโภคผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด อย่างหัวหอม กระเทียม หลักเกียว (กระเทียมโทนจีน) กุยช่าย ใบยาสูบ
ชาวเจเชื่อว่า ผักที่มีกลิ่นฉุนจะเข้าไปทำลายธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย คือธาตุน้ำ ไฟ ดิน ไม้ และโลหะ ส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานไม่ปกติ ส่วนการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและใช้โปรตีนจากเห็ดและถั่วชนิดต่าง ๆ แทน จะช่วยให้กระเพาะอาหารได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ นอกจากนี้การบริโภคผัก ผลไม้เพิ่มขึ้นยังช่วยให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินที่นำไปช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย
ทั้งนี้ ต้องรู้จักเลือกและผสมผสานวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้เหมาะสม เพื่อความสมดุลของอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดสารอาหารบางชนิด ชาวเจควรเลือกรับประทานอาหารเจอย่างถูกวิธี สารอาหารที่ต้องเน้นเป็นพิเศษนอกเหนือจากโปรตีนก็คืออาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามิน บี 2 หรือไรโบเฟลวินวิตามิน บี 12 วิตามิน ดี และสังกะสี เพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะอาหารที่มีกากใยสูงต้องการน้ำในการทำงาน หากดื่มน้ำไม่พออาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้องได้
ที่มา: ประชาชาติไลฟ์ (prachachat.net)
...............................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น