tororichclub

tororichclub

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เค้กกล้วยหอม

ทำขนมง่าย ๆ ด้วยเมนู...เค้กกล้วยหอม ห๊อม หอม
         ในช่วงมื้อว่างยามบ่าย หากนั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นซักถ้วย บวกกับเค้กนุ่ม ๆ อร่อย ๆ ก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นเค้กกล้วยหอมอบร้อน ๆ ด้วยแล้ว เชื่อเลยว่าต้องถูกใจเพื่อน ๆ หลายคนแน่ ๆ

         อ๊ะ ๆ ถ้าใครอยากทานขึ้นมาแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ลองเข้าครัวแสดงฝีมือกันเอาเอง แต่อย่าเพิ่งร้องโอดโอยว่าทำยุ่งทำยาก เพราะได้ขอสูตร เค้กกล้วยหอม ของคุณ phanet จากห้องก้นครัว เว็บไซต์พันทิป มาฝากกันแล้ว ...ขอบอกว่าขั้นตอนไม่มากไม่มาย ทำง่าย ๆ เพลิน ๆ จ้า


ส่วนผสม
      แป้งเค้ก 100 กรัม
      ผงฟู 1 ช้อนชา
      เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
      กล้วยหอม 100 กรัม (ประมาณ 2 ลูก)
      น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา (ประมาณ 1 ซีก)
      ไข่ไก่ 2 ฟอง
      น้ำตาลทราย 90 กรัม
      เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      น้ำพืช 1/2 ถ้วยตวง (ใช้น้ำมันดอกคาโนล่า)
      ชีส
      เม็ดมะม่วงหิมพานต์บด


วิธีทำ
1. ร่อนแป้ง ผงฟู และเบคกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน


2. บดกล้วย และบีบมะนาวพักไว้


3. ตีไข่ น้ำตาล เกลือ ให้ขึ้นเป็นครีม


4. ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไปตีให้เข้ากัน


5. เมื่อตีเข้ากันจนได้ที่แล้ว ใส่กล้วยบดลงไปตีให้เข้ากันอีกครั้ง
6. เทส่วนผสมลงถ้วย แล้วนำไปอบ


 
7. ระหว่างรอเค้กได้ที่ ให้ซอยชีสเตรียมเอาไว้


8. เมื่ออบเค้กเสร็จแล้วก็โรยหน้าเค้กด้วยชีส แล้วเข้าอบต่ออีกนิดพอให้ชีสละลาย
9. นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์บดมาโรยหน้า

        เห็นแล้ว ต้องบอกว่า...เป็นเค้กกล้วยหอมที่ดูนุ่ม และน่าทานมาก ๆ เลย อย่างนี้ต้องขอไปลองทำเองดูบ้างแล้วล่ะ

Thank : คุณ phanet
.........................................................................................

ไข่อิเหนาเข้าเฝ้า

ส่วนผสม

ไข่ไก่ 2  ฟอง 
หมูสับ 1/2 ถ้วย 
กุ้งสับ 2  ช้อนโต๊ะ 
หอมแดง 3  หัว 
น้ำปลา 1  ช้อนโต๊ะ 
น้ำตาลปี๊บ 1  ช้อนโต๊ะ 



วิธีการทำ

วิธีทำ

1.ทอดไข่ดาวให้ไข่แดงสุกๆ ตักขึ้นใส่จานพักไว้

2.ซอยหอมแดงบางๆ ให้เสมอกัน แล้วนำไปเจียวในกระทะ ตักขึ้นใส่ชามพักไว้

3.ใส่หมูสับลงไปรวนในน้ำมันหอมเจียวจนสุก ใส่กุ้งตามลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ (ถ้าแห้งเกินไปเติมน้ำได้นิดหน่อย)

4.ตักราดบนไข่ดาว โรยหน้าด้วยหอมเจียวและผักชี

รายละเอียดเพิ่มเติมจากนักเขียน 

ของกินหลายอย่างของบ้านอุ้ม มีชื่อพิสดารเสียจนบางครั้งอุ้มก็ชิน ลืมนึกลืมถามไปว่าทำไมถึงได้มีชื่อเรียกประหลาดๆ แบบนี้ แต่อย่างอิเหนาเข้าเฝ้า คุณย่าเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าอิเหนาจะไปเฝ้าใคร หรือเจ้าองค์ไหนโปรดไข่ดาวหน้าหมูสับ สุดท้าย อุ้มเลยหมดความพยายาม รู้แค่ว่าทำอย่างไรให้อร่อยเหมือนที่คุณย่าทำให้เรากินก่อนก็แล้วกัน 

Thank : goodfoodgoodlife
...........................................................................................

เรื่องใกล้ตัว..ที่ช่วยคุณได้


1. ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
 เฉลย :  จริง
           โดยใช้ไข่ขาวมาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก

2. ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
 เฉลย :  จริง
           โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมดแล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3. ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
 เฉลย :  จริง
 โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4. ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ   
เฉลย :  จริง
           โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน

5. มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
 เฉลย :  ไม่จริง
           แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่  กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ  
 เฉลย :  จริง
            เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
 เฉลย :  จริง
           ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8. เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
 เฉลย :   จริง
           การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกรียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น 

9. นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ   
 เฉลย :  จริง
           โดยให้หย่อนเหรีย­สลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญจะช่วยยับยั้งการเจริญ เติบโตของเชื้อแบคทีเรีย  ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10. ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
 เฉลย :  จริง
            โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆเพื่อช่วยดูดกลิ่นได้
................................................................................................

สรรพสามิต เดี้ยงคืนภาษีรถคันแรก ไม่ได้

คืนภาษีรถคันแรกเดี้ยง สรรพสามิตจ่ายเงินภาษีคืนให้ผู้ซื้อรถคันแรกไม่ได้ร่วม 3,500 ราย แจงเอกสารผิดพลาด

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การจ่ายเงินภาษีคืนให้กับผู้ซื้อรถคันแรกในงวดเดือน ต.ค. 2555 เกิดปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินคืนในอัตราคันละไม่เกิน 1 แสนบาทให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิที่ขอคืนภาษีจำนวนหลายราย

อธิบดีกรมสรรพสามิตชี้แจงว่า สาเหตุที่จ่ายเงินคืนไม่ได้ เนื่องจากธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ที่ได้สิทธิคืนเงิน ตรวจพบว่า เลขที่บัญชีของผู้ซื้อรถบางรายไม่ถูกต้อง ทำให้ธนาคารกรุงไทยต้องระงับการโอนเงินคืนให้และได้ส่งข้อมูลกลับมาให้กรมบัญชีกลางและกรมสรรพสามิตตรวจสอบให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการจ่ายเงินคืนรถคันแรกในงวดเดือน ต.ค. ที่กำหนดจ่ายเงินในวันที่ 5 และวันที่ 20 มีผู้ที่จะได้รับเงินภาษีคืนทั้งสิ้น 5,847 ราย แต่สามารถโอนเงินให้ได้แค่ 2,331 ราย คิดเป็นเงิน 178 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,516 ราย ยังมีปัญหาโอนเงินให้ไม่ได้

นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการบันทึกข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเท่านั้น ซึ่งทางกรมสรรพสามิตกำลังเร่งตรวจสอบ เพื่อให้ผู้ที่ได้สิทธิคืนภาษีแต่มีปัญหาโอนเงิน ได้รับเงินในเดือนต่อไปทันที และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก

สำหรับผู้ที่มาใช้สิทธิขอคืนภาษีรถคันแรกในขณะนี้มีจำนวน 3.2 แสนราย คาดว่าถึงสิ้นปีจะทะลุ 5 แสนราย เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 3 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต ระบุว่า การดำเนินการเกิดปัญหาสะดุดปลายทาง เนื่องจากการยื่นเอกสารของพี่น้องประชาชนรวมทั้งไม่ได้ใช้สมุดบัญชีของผู้ที่ยื่น ทำให้ต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่ต้น และต้องเรียกผู้ที่ตกหล่นดังกล่าวเข้ามายื่นสำเนาบัญชีใหม่อีกครั้ง

กรมบัญชีกลางแจ้งว่า ยอดขอคืนเงินรถคันแรกในเดือน พ.ย. 2555 มีประมาณ 2,000 ราย คิดเป็นเงินประมาณ 170 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนก่อนหน้า
..........................................................................................

ฟีฟ่าไฟเขียวใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า


        ฟีฟ่าไฟเขียวใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า หนองจอกจัดศึกฟุตซอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป แต่สนามต้องเสร็จภายใน 5 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่  31 ต.ค. สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ลงมติอนุญาตให้ใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า หนองจอก ในการแข่งขันในฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป โดยมีข้อแม้ว่า สภาพสนามต้องเสร็จก่อนวันที่ 5 พ.ย. นี้ ส่วนพื้นสนามที่จะเดินทางมาถึงประเทศไทยในวันที่ 5 พ.ย.นั้น ฟีฟ่าได้ให้เวลา 2 วันในการดำเนินการติดตั้งและต้องเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 7 พ.ย.

ด้าน นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กทม.ต้องขอขอบคุณฟีฟ่าที่ให้ใช้สนามฟุตซอล เพราะที่ผ่านมากทม.ได้ดำเนินการก่อสร้างอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง ส่วนความแข็งแรงของโครงสร้างสนามฟุตซอลนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้กำชับและดูแลอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เพราะการก่อสร้างเร็วกว่ากำหนด ซึ่งจากเดิมการก่อสร้างสนามฟุตซอลจะต้องใช้เวลากว่า 500 วัน แต่กทม. ทำให้การก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 270 วัน

อย่างไรก็ตามขณะนี้พื้นไม้สำหรับปูสนามฟุตซอลที่สั่งซื้อจากประเทศมาเลเซียและไต้หวันได้มาถึงแล้ว เพื่อนำมาติดตั้งในสนามพื้นที่ 1,250 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยแบ่งเป็นพื้นจากประเทศมาเลเซีย 800 ตร.ม. จากไต้หวัน 500 ตร.ม. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรื้อพื้นสนามเดิมและปูพื้นไม้ใหม่ทันที และในวันที่ 2 พ.ย.นี้ พื้นไม้สำหรับปูสนามที่สั่งซื้อจากประเทศอิตาลี จะมาถึง คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการปูพื้นสนาม ภายใน 1-2 วัน

อนึ่งสนามฟุตซอลหนองจอกจะถูกใช้จัดการแข่งขันใน 8 รอบสุดท้าย รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 14, 16 และ 18 พ.ย. นี้
........................................................................................

แมคโดนัลด์ มังสวิรัติ

           แมคโดนัลด์ เตรียมเปิดร้านมังสวิรัติครั้งแรก ในอินเดีย ปี 2556 นี้ ตอบสนองความหลากหลายทางศาสนาของอินเดีย

            เมื่อวันที่ 4 กันยายน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า แมคโดนัลด์ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐฯ ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลก ประกาศเปิดร้านอาหารแนวมังสวิรัติแบบเต็มรูปแบบในเครือแห่งแรกของโลก โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการที่เมืองอัมริตซาร์อันศักดิ์สิทธิ์ ทางตอนเหนือของอินเดียภายในปี พ.ศ. 2556 นี้

            ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์มีชื่อเสียงในเรื่องแฮมเบอร์เกอร์เนื้อสัตว์นานาชนิด ดังนั้น การประกาศเปิดร้านอาหารแนวมังสวิรัติแห่งแรกในโลกนับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเมนูอาหารของร้านมังสวิรัติในเครือของแมคโดนัลด์แห่งแรกนี้จะถูกคิดค้นขึ้นสำหรับชาวอินเดียโดยเฉพาะ เนื่องจากในประเทศอินเดียมีความเชื่อทางศาสนาอันหลากหลาย ทั้งศาสนาฮินดูมีผู้นับถือคิดเป็นสัดส่วนประชากรมากกว่า 80% ไม่ทานเนื้อวัว ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งจะไม่รับประทานเนื้อหมู


            ทั้งนี้ แมคโดนัลด์ มีสาขาอยู่ในประเทศอินเดียประมาณ 271 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีเมนูอาหารที่เป็นมังสวิรัติอยู่แล้วราว 50% จากเมนูทั้งหมด โดยเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เบอร์เกอร์ที่มีชื่อว่า "McAloo Tikki burger" เป็นเบอร์เกอร์มันฝรั่งทอดปรุงรสเผ็ดร้อน ราคา 28 รูปี (ราว 15 บาท) นอกจากนี้ ทางบริษัทยังวางแผนขยายสาขาในอินเดียอีกราว 500 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสาขาที่เป็นมังสวิรัติเพิ่มเติมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

            อย่างไรก็ตาม แมคโดนัลด์ ไม่ใช่เพียงร้านอาหารเพียงแห่งเดียวที่มีการปรับเมนูอาหารให้ถูกปากลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยก่อนหน้านี้ โดมิโน พิซซ่า เครือข่ายร้านพิซซ่าขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ก็ได้คิดค้นเมนูพิซซ่าท็อปปิ้งเครื่องเทศที่มีความเผ็ดร้อนเพื่อให้ถูกปากคนอินเดียมากขึ้น

Thank : k@pook
....................................................................................................

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทันสมัย เป๊ะ! ใช้ ไลน์-เฟซบุ๊ก แจ้งเหตุอาชญากรรม

            ทันสมัย! นครบาล ผุดไอเดียสมาร์ทโปลิศ ใช้ ไลน์-เฟซบุ๊ก แจ้งเตือนเหตุอาชญากรรม ชี้เป็นการแก้ปัญหาแบบเรียลไทม์ พร้อมอบรมภาษาอังกฤษให้ตำรวจ เตรียมพร้อมรับปีอาเซียน

            วันนี้ (29 ตุลาคม)  พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 และ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ร่วมกันเปิดโครงการ SMART POLICE บก.น.4 : ภายใต้สโลแกน "สมาร์ทโปลิศ โซเชียลเน็ตเวิร์ก เปิดสู่อาเซียน"

            โดย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ กล่าวว่า สมาร์ทโปลิศ เป็นการรับเอานโยบายและแนวทางปฏิบัติจาก พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาปรับใช้กับข้าราชการตำรวจทุกนายใน บก.น. 4 ในเรื่องหลัก ๆ สองมิติ คือ

มิติที่หนึ่ง
            1. บุคลิกภาพของตำรวจตามแบบฉบับที่ว่า ตำรวจต้องแต่งกายดี ผมสั้น รองเท้ามัน ฟันขาว สำหรับเครื่องแบบปกติคอพับสีกากีใช้หมวกทรงอ่อนสักหลาดสีดำ เป็นต้น

            2. สถานีตำรวจหญ้าไม่รก สีไม่ตก ตัวอาคารมีความพร้อมต้องทันสมัยทั้งภายในและภายนอก

มิติที่สอง
            เป็นมิติของโซเชียลเน็ตเวิร์ก คือ การนำเอาเทคโนโลยีมาสร้างความเชื่อมโยงแบบบูรณาการระหว่างข้าราชการตำรวจกับภาคประชาสังคม ได้แก่ บุคลากรในหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ บริษัทห้างร้าน และภาคประชาชนในระดับชุมชนต่าง ๆ โดยมีช่องทาง 5 ช่องทาง คือ

            1. เฟซบุ๊ก
            2. ทวิตเตอร์
            3. อีเมล
            4. ไลน์
            5. ยูทูบ

            โดยจะเน้นการสื่อสารแบบสองทางกับสาธารณชน ทั้งนี้ ก็เพื่อแจ้งเตือนอาชญากรรมและให้ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมแก่ประชาชน และ เป็นการฝึกใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการเฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรมแบบเรียลไท ม์ ผ่านกล้องวงจรปิด CCTV กล้อง IP CAM เพื่อตอบสนองนโยบายควบคุมอาชญากรรม

            ขณะที่ ดร.นพดล กล่าวว่า ทางด้านศูนย์วิจัยจะมีหน้าที่บริการรับใช้ชุมชนในเรื่องของที่ตั้ง ซึ่งทางเราพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่กับภารกิจสำคัญในการดูแลความปลอดภัย และการให้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อประชาชน โดยเฉพาะในมิติของการเปิดสู่อาเซียน เอแบคโพลได้เปิดอบรมภาษาอังกฤษให้กับตำรวจ เพื่อสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติในเบื้องต้นได้

Thank : มติชน ออนไลน์
..........................................................................................

บั้งไฟพญานาค คืนนี้!! หนองคาย บึงกาฬ คึกคัก


บั้งไฟพญานาค คืนนี้!! หนองคาย บึงกาฬ คึกคักนักท่องเที่ยวแห่ชม
ตำรวจภูธร จังหวัดหนองคายเตรียม ความพร้อมเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ จะเดินทางมาชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคในอำเภอโพนพิสัยและอำเภอรัตนวาปี ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ( 30 ต.ค.) ทำให้โรงแรมที่พักถูกจองเต็มแล้วทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่าง ชาติจำนวนมากเริ่มทยอยเข้าสู่ตัวเมือง หนองคาย ก่อนจะเดินทางไปชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ในอำเภอโพนพิสัยและอำเภอรัตนวาปี ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ( 30 ต.ค.) ซึ่งเป็นจุดที่เกิดบั้งไฟพญานาคมากที่สุดทำให้ถนนหลายสายเริ่มมีการจราจรคับ คั่ง

น.ส.นฤมล รักษาภักดี อุปนายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย บอกว่า ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ ร้อยละ 40 โรงแรมในจังหวัดหนองคาย กว่า 4,500 ห้อง ถูกจองจนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.- 1พ.ย.และคาดว่า จะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวจะไม่ต่ำกว่า 300,000 คน แม้ว่าวันออกพรรษาจะเป็นวันอังคารไม่ใช่วันหยุดประกอบกับปีนี้เป็นปีเดือน 8 สองหนที่ตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ หนองคาย บอกว่า จะมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น 2 วัน ติดต่อกันคือ วันที่ 30-31 ต.ค.นี้

ด้านนายอดิศักดิ์ ศักดิฤทธิ์ ขนส่ง จ.หนองคาย กล่าวว่า ขนส่งจังหวัดจัดรถโดยสารไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น.หรือจนกว่าจะไม่มีผู้โดยสารใช้บริการ

ทั้งนี้หลังจากชมบั้ง ไฟพญานาคแล้วสำหรับ การเดินทางกลับสามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางโดยใช้เส้นอำเภอโพนพิสัย มุ่งหน้าไปยัง อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย เข้าสู่อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี หรือ ใช้เส้นทาง อำเภอโพนพิสัย มุ่งหน้าไป อำเภอสร้างคอม และ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำเส้นทางและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้น ทาง เพื่อลดปัญหาการการจราจรที่แออัดและลดอุบัติเหตุ

นอกจากที่หนองคายแล้ว จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ที่แยกตัวออกมาจากหนองคาย ได้เตรียมความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะที่วัดอาฮงคิลาวาส ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองบึงกาฬ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดชมสะดือแม่น้ำโขง หรือ เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง และ มีน้ำเชี่ยว ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่า บริเวณนี้จะเป็นจุดที่เห็นบั้งไฟพญานาคได้ชัดเจนอีกจุดหนึ่ง โดยตั้งแต่เมื่อวานนี้ ก็เริ่มมีประชาชนมาจับจองพื้นที่เพื่อรอชมปรากฏการณ์กันแล้ว

Thank : ทีวีไทย, Mthai News, http://itplaza.co.th
.............................................................................................

เวลาคุณมีค่าขนาดไหน?

          ถ้าอยากรู้เวลา 20 ปี   มีค่าขนาดไหน ลองถามพ่อแม่ที่ส่งเสียลูกจนจบ ป.ตรี ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 10 ปี   มีค่าขนาดไหน ลองถามคนที่พึ่งหย่าร้างกันดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 4 ปี     มีค่าขนาดไหน ลองถามนักศึกษาที่พึ่งรับปริญญาไปดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 2 ปี     มีค่าขนาดไหน ลองถามคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 ปี    มีค่าขนาดไหน ลองถามนักศึกษาที่สอบตกทำให้พลาดรับปริญญากับเพื่อนไปดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 9 เดือน   มีค่าขนาดไหน ลองถามคนที่กำลังเตรียมตัวเป็นว่าที่คุณแม่ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 เดือน   มีค่าขนาดไหน ลองถามนักธุรกิจ เครือข่าย ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 อาทิตย์ มีค่าขนาดไหน ลองถามคนทำหนังสือรายสัปดาห์ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 วัน    มีค่าขนาดไหน ลองถามทหารหาญที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 ชั่วโมง  มีค่าขนาดไหน ลองถามคนรักที่รอพบกันดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 90 นาที  มีค่าขนาดไหน ลองถามนักฟุตบอลในสนามดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 นาที   มีค่าขนาดไหน ลองถามคนที่พลาดตกเครื่องบินดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลา 1 วินาที   มีค่าขนาดไหน ลองถามคนที่รอคนรักในห้อง icu ดูสิครับ
          ถ้าอยากรู้เวลาเสี้ยววินาที    มีค่าขนาดไหน ลองถามนักวิ่ง 100 ม. ที่ได้ที่ 2 ดูสิครับ

          ถ้าอยากรู้เวลาที่เหลือในชีวิตมีค่ามากขนาดไหน ลองถามตัวคุณเองดูครับ 

Thank : mnvthailand
.........................................................................................

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"บั้งไฟพญานาค" ...


เทศกาลออกพรรษา "บั้งไฟพญานาค" ประจำปี 2555
          จังหวัดหนองคาย องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย เทศบาลเมืองหนองคาย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี กำหนดจัดงานเทศกาลออกพรรษา "บั้งไฟพญานาค ประจำปี 2555" ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ตลอดแนวฝั่งโขง และบริเวณเทศบาลเมืองหนองคาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี จะมีประชาชนทั่วทุกภูมิภาคเดินทางมายังจังหวัดหนองคาย เพื่อสัมผัสกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า "บั้งไฟพญานาค" ลูกไฟสีแดงอมชมพู ที่พวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขง ไม่มีเสียง ไม่มีควัน และไม่มีกลิ่น เหมือนดอกไม้ไฟหรือพลุ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงปีละครั้ง ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี



          อย่างไรก็ตาม ในงานเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค ประจำปี 2555 จะมีพิธีบวงสรวงพญานาคตามแบบโบราณ ณ ศาลหลักเมืองปากห้วยหลวง อำเภอโพนพิสัย ส่วนในเขตเทศบาลเมืองหนองคายก็ได้จัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นถนนอาหาร, การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ, การแสดงแสง-เสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาค, การประกวดปราสาทผึ้งแบบดั้งเดิม, การประกวดลูกทุ่งไทยทาเลนท์, การประกวดธิดาเรือ

Thank : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
...................................................................................

ไข่ - มะตูมรักษาโรค คว้ารางวัล นานาชาติ!

ไข่ - มะตูมรักษาโรค คว้ารางวัล นานาชาติ!
          วช.เผยผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนไทยคว้าเหรียญทองเวทีสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ที่เจนีวา โดยนำสารสำคัญในไข่แดงและผลมะตูมมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ช่วยบำรุงสมองและฟื้นฟูร่างกาย

          เมื่อวันที่ 27 เมษายน สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แถลงข่าวเรื่องการแพทย์แผนไทยคว้าเหรียญทองผลงานประดิษฐ์จากเจนีวา โดย ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการ วช. เปิดเผยว่า ผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลระดับโลกคือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสกัดจากไข่แดงผสมมะตูม เป็นผลงานของ ดร.บุณยพร ยี่มี ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนไทย สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในเวทีการแข่งขันสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ระหว่างวันที่ 6-10 เมษายนที่ผ่านมา ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (International Exhibition Invention of GENEVA) ซึ่งในปีนี้มี 45 ประเทศเข้าร่วมงาน และมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน 765 ราย มีจำนวนผลงานมากกว่า 1,000 ชิ้น แบ่งการประกวดสิ่งประดิษฐ์เป็น 8 สาขา ผลงานของ ดร.บุณยพรได้รับในสาขาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและจะสนับสนุนให้มีนักวิจัยไทยไปนำเสนอผลงานสิ่ง ประดิษฐ์นานาชาติในปีต่อไป

          ศ.นพ.สุทธิพร กล่าวว่า สมุนไพรไทยมีคุณประโยชน์มากมายต่อการบำบัดและรักษาโรค โดยสกัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งเป็นการนำเอานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์เข้ากับ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ถือเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ให้ทัดเทียมต่างประเทศ และสามารถนำมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้อีกด้วย ทั้งนี้ พร้อมที่จะผลักดันผลงานของนักวิจัยการแพทย์แผนไทยไปสู่เชิงพาณิชย์ และให้ความสำคัญในการปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย

          ดร.บุณยพร ยี่มี นักวิจัยด้านการแพทย์แผนไทย ผู้คว้ารางวัลเหรียญทองจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ กล่าวว่า จุดเด่นของผลงานประดิษฐ์ชิ้นนี้คือ การนำเอาผลมะตูมและไข่มาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผ่านกระบวนการสกัดที่ ไม่ใช้สารเคมีใดๆ เป็นการใช้ธรรมชาติบำบัดรักษาคนไข้โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความจำเสื่อม อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ โรคตับ กระดูกพรุน ภูมิแพ้ หรือแม้กระทั่งโรคนิ่ว จากการค้นคว้าข้อมูลทางโภชนาการเกี่ยวกับไข่ไก่ ซึ่งมีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยสกัดเอาเลซิตินที่อยู่ในไข่แดง ปราศจากคอเลสเตอรอลมาเป็นส่วนผสมกับผลมะตูมที่เป็นวัตถุดิบในประเทศไทย มาผลิตเป็นอาหารเสริมที่ออกฤทธิ์ในระดับยีนหรือดีเอ็นเอของผู้ป่วย

          "ไข่แดงมีเลซิตินเป็นส่วนสำคัญ เราสกัดให้เหลือแต่น้ำมันไข่แดงที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ส่วนผลมะตูมถือเป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะ เราสกัดเอาสารสำคัญมาผสมกันอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งของการแพทย์แผนไทยที่ชาวต่างประเทศให้การยอมรับและมอบ รางวัลครั้งนี้ เพราะเป็นการประยุกต์ศาสตร์การแพทย์ไทยและตะวันตกได้อย่างลงตัว" ดร.บุณยพรเผย

Thank : ไทยโพสต์
.................................................................................................

สปาปลา ชี้เสี่ยงติดเชื้อ...

14 รัฐในอเมริกา สั่งห้าม สปาปลา ชี้เสี่ยงติดเชื้อ
          สหรัฐอเมริกา สั่งห้ามทำ สปาปลา ใน 14 รัฐ หลังพบว่าอาจทำให้เกิดการอักเสบและแพร่โรคติดต่อกัน

          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สำนักคุ้มครองสุขภาพในประเทศอังกฤษ ได้ทำการตรวจสอบการทำ สปาปลา บริการที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกในขณะนี้ หลังทราบว่า สหรัฐอเมริกา ออกประกาศสั่งห้ามทำ สปาปลา ใน 14 รัฐแล้ว เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและแพร่โรคติดต่อกันได้

          ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า การทำ สปาปลา ผู้ใช้บริการจะต้องแช่เท้าลงในน้ำที่มีปลาไร้ฟันตัวเล็ก ๆ คอยแทะเล็มผิวหนังที่หลุดลอก ซึ่งปลาเหล่านั้นอาจนำเชื้อโรคจากคนหนึ่งไปยังอีกคนที่มีแผลได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎของบังคับให้ทิ้งหรือฆ่าเชื้อเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้แล้ว ทว่าด้วยราคาปลาที่ค่อนข้างสูง จึงเชื่อว่าคงไม่มีการเปลี่ยนฝูงปลาใหม่ทุกครั้งแน่นอน

Thank : k@pook
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : tripadvisor.com
..........................................................................................

ขวดน้ำพลาสติก ใช้ซ้ำ เสี่ยงเชื้อโรค


กรมวิทย์ฯ เตือนระวังขวดน้ำพลาสติก ใช้ซ้ำ เสี่ยงเชื้อโรค
          กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตือนประชาชน หากต้องนำขวดพลาสติกมาใช้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยต้องล้างทำความสะอาด และหมั่นสังเกตว่าสีของขวดพลาสติก หากมีคราบสีเหลืองหรือมีสีขุ่น ขวดบุบ มีรอยร้าวหรือแตก ไม่ควรนำมาใช้ใหม่เด็ดขาด เนื่องจากอาจมีสารเคมีในเนื้อพลาสติกหลุดลอกลงในน้ำดื่มได้ ขณะเดียวกันเป็นแหล่งสะสมและปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย

          นายแพทย์นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีฝนตกหนักในหลายจังหวัด ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หากจำเป็นต้องนำขวดพลาสติกเปล่าที่ใช้แล้วมากักตุนน้ำไว้สำหรับดื่มและใช้ในช่วงน้ำท่วม บางครั้งไม่ได้มีการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะบริเวณปากขวดและฝาขวด อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจากการสัมผัสกับมือและปากที่มีการดื่มน้ำจากขวดโดยตรงได้ 

          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลการทดลองยืนยันว่าขวดพลาสติก หรือขวดเพทปลอดภัยไม่มีสารเคมีปนเปื้อน แต่การนำกลับมาใช้ใหม่ต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาด ต้องล้างขวดให้สะอาด ทั้งด้านในและด้านนอกก่อนนำมาใช้ใหม่ และเมื่อใช้ไปนาน ๆ ต้องหมั่นสังเกตว่าสีของขวดเปลี่ยนไปหรือไม่ หากมีคราบสีเหลือง มีสีขุ่น ขวดไม่ใสเหมือนเดิม หรือขวดบุบ มีรอยร้าว หรือแตกให้ทิ้งไม่ควรนำมาใช้ใหม่ ซึ่งรอยเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคในการล้างทำความสะอาดทำให้ล้างคราบสกปรกออกไม่หมด อาจเป็นช่องว่างทำให้เชื้อโรคเข้าไปเกาะตามรอยร้าวนั้นได้ นอกจากนี้ประชาชนสามารถใช้ขวดแก้วแทนได้แต่จะต้องล้างทำความสะอาดให้สะอาด ก่อนนำไปใช้ทุกครั้งเช่นกัน

          รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า คุณภาพของขวดบรรจุน้ำดื่ม มีการควบคุมทางกฎหมาย โดยประเทศต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป แต่จะมีจุดมุ่งหมายที่ใกล้เคียงกันคือ ควบคุมวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานและทดสอบสารเคมี ที่จะละลายออกมาจากภาชนะให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อการนำไปใช้งาน ซึ่งประเทศไทยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 295 (พ.ศ.2548) กำหนดชนิด และมาตรฐานของพลาสติก ที่ใช้บรรจุอาหารไว้แล้ว ดังนั้นถ้าผู้บริโภคใช้ขวดพลาสติกได้ถูกต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการผลิตก็แน่ใจได้ว่ามีความปลอดภัย 

          ทั้งนี้จากการตรวจวิเคราะห์ขวด PET ที่ผลิตใหม่ ซึ่งผู้ผลิตมากกว่า 10 บริษัท นำส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อรับรองคุณภาพความปลอดภัยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าได้มาตรฐานทุกตัวอย่าง อย่างไรก็ตามกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในท้องตลาดอยู่เสมอ หากพบว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็จะมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ผู้บริโภคทราบและจะมีการประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในด้านของการควบคุมทางกฎหมายและการคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจสอบความปลอดภัยของภาชนะบรรจุอาหารแก่ประกอบการและผู้ที่สนใจที่ต้องการทราบข้อมูลทางด้านนี้             

          นายมงคล เจนจิตติกุล ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร (สคอ.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พลาสติกที่ใช้ทำขวดน้ำดื่ม ขนาดเล็กมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ คือ ขวดสีขาวขุ่น ทำจากพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (Polyethylene) หรือ PE และขวดใสไม่มีสีทำจากพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต (Poly Ethylene Terephthalate) หรือ ขวด PET ซึ่งปัจจุบันนี้นิยมใช้กันมากกว่าขวดแบบขาวขุ่น สำหรับขวดบรรจุน้ำชนิดเติม ซึ่งมีการบรรจุซ้ำจะเป็นขวดความจุประมาณ 20 ลิตร ขวดสีขาวขุ่นทำจากพลาสติกชนิด PP (พอลิพรอพิลีน) และขวดใส สีฟ้าอ่อน หรือสีเขียวอ่อนทำจากพลาสติกชนิด PC (พอลิคาร์บอเนต) หรือพลาสติกชนิด PET ดังนั้นขวดเหล่านี้ต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาใช้ใหม่ และขวดที่บรรจุน้ำควรเก็บในที่แสงสว่างส่องไม่ถึง เพื่อป้องกันการเจริญของตะไคร่น้ำ

Thank : กระทรวงสาธารณะสุข
..........................................................................................

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาการชา...บอกอะไรได้บ้าง


          เคยเป็นกันไหม? จู่ ๆ มือไม้ขาแข้งก็เกิดอาการชาขึ้นมาดื้อ ๆ ลองไปตรวจสอบอาการชาต่อไปนี้กัน เผื่อว่าคุณกำลังเป็นโรคอะไรอยู่

อาการชาที่นิ้วชี้ กลาง และนาง 
เพราะใช้หรือออกแรงมือมาก จนเกิดพังผืดข้อมือทับเส้นประสาท พบมากในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย คนที่เล่นกีฬาประเภทกอล์ฟ เทนนิส และแบดมินตัน 

อาการชาที่นิ้วก้อย 
เกิดจากเส้นประสาทบริเวณรักแร้ที่ยาวไปถึงนิ้วก้อย สาเหตุจากงอและเกร็งข้อศอกเพื่อถือหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน 

อาการชาที่ต้นขาและรู้สึกปวดแสบปวดร้อน 
เป็นเพราะมีน้ำหนักตัวมาก หรือไม่ก็ชอบรัดเข็มขัดแน่นจนเกินพอดี ส่งผลให้เส้นประสาททำงานลำบาก เนื่องจากถูกอัดแน่นติดกับไขมัน 

อาการชาที่ขาและข้อพับ 
จากการนั่งพับเพียบหรือนั่งไขว้ขวานาน ทำให้เท้าตก ยกเท้าไม่ขึ้น เพราะเส้นประสาทถูกกดทับไว้กับพื้นและเข่า ชาที่ต้นขาและไปที่เข่า จะเกิดกับผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ทำให้ปลายเท้าและปลายนิ้วถูกกดทับจนเส้นประสาทอักเสบ 

อาการชาที่เริ่มเกิดขึ้นจากปลายเท้า ฝ่าเท้า ปลายนิ้ว ลามขึ้นไปที่ข้อเท้า เข่า และลำตัว
เป็นอาการที่เกิดกับนักดื่มคอทองแดง เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายเส้นประสาทให้เสียหายหลายเส้น
เพราะฉะนั้นหากไม่อยากให้ร่างกายเกิดอาการชา จนกระทบการใช้ชีวิตก็ควรหลีกเลี่ยงท่าทางที่ เป็นต้นเหตุเหล่านี้เสีย

Thank : คู่หูเพื่อนเดินทาง
..........................................................................................

แซนวิช จานด่วนที่อาจไม่ปลอดภัย


โดย: ผศ.นสพ.ดร.ศุภชัย เนื้อนวลสุวรรณ
ภาควิชาสัตว์แพทยสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
          ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ กระทั่งวันหยุดยาว บางครอบครัวที่พอจะมีเวลาว่างสักเล็กน้อย ก็อาจจะมีการตระเตรียมอาหารหรือของว่างเองไปกินระหว่างเดินทาง เพื่อจะได้ไม่ต้องลุ้นว่าจะต้องผจญหรือสุ่มเสี่ยงกับอาหารนอกบ้านมากเกินไป ทั้งเรื่องสุขอนามัยหรือความสะอาดของร้านอาหาร แต่ใช่ว่าการเตรียมอาหาร เช่น อาหารจานด่วนทำเสร็จรวดเร็วนั้นก็อันตรายได้เช่นกัน

 จานด่วนเชื้อโรคมาด่วน
          อาหารจานด่วนหรือฟาสฟู้ดที่ได้รับความนิยมกันมาก รวมถึงการตระเตรียมก็ไม่ยุ่งยากมากนัก ก็เพียงแค่จัดหาส่วนประกอบอาหารที่พร้อมบริโภคอยู่แล้วนำมารวมกัน เช่น แซนวิชหรือแฮมเบอร์เกอร์ 

          หลายท่านก็คงจะเริ่มเห็นภาพนะครับแล้วว่า แซนวิชนั้นทำง่ายมาก เพียงแต่ซื้อวัตถุดิบอาหารสำเร็จรูปนำมารวมกัน เช่น ขนมปัง ประกบรวมกับ ไส้แซนวิช ซึ่งอาจจะเป็น แฮม ปูอัด หมูหยอง เบคอน ทูน่า หรือไส้อื่นใดเท่าที่จะจัดหาได้ และเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ครบด้วยการเพิ่มผักสลัดเข้าไป จากนั้นก็เชื่อมขนมปังกับไส้ ด้วยกาวที่ทานได้และมีรสชาติอร่อย เช่น Salad Cream Sandwich Spread หรือ มายองเนส เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็คงใช้เวลาไม่นานมากนัก

          แม้ว่าวัตถุดิบอาหารทุกชนิดที่ประกอบเป็นแซนวิชจะมีความสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภคเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นประเด็นที่หมอซุปต้องเน้นย้ำ คือ ความสะอาดของสองมือที่พ่อบ้านหรือแม่บ้านใช้ในการหยิบจับวัตถุดิบอาหารเหล่านี้เองที่อาจจะนำมาซึ่งอันตรายต่อสมาชิกในบ้าน 

          ทั้งนี้เนื่องจากบนผิวหนังของเราทุกคนนี้เองมีเชื้อโรคเกาะติดอยู่ตลอดเวลา โดยที่เชื้อโรคนี้มักจะพบแฝงตัวอยู่มากตามซอกหลืบเร้นลับต่าง ๆ ของร่างกายที่อาจจะไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหรือเพียงพอ หากขาดความระมัดระวังในเรื่องความสะอาด ก็มีโอกาสมากทีเดียวที่ระหว่างการเตรียมอาหาร มือที่ไม่ได้ล้างสะอาดเพียงพอ หรือบังเอิญล้วงแคะแกะเกา ก็ไปประกอบอาหารให้สมาชิกในบ้านเท่ากับเป็นความหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ไปแปะเชื้อโรคไว้ที่แซนวิช

 จานด่วน กินไม่ด่วน ชวนเชื้อโรค
          หากว่าแซนวิชที่ตระเตรียมเสร็จแล้วถูกสมาชิกในบ้านเปิบภายในเวลาไม่นานนัก ก็มักจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่หากบังเอิญว่าแซนวิชที่เตรียมไว้ข้ามคืนโดยทิ้งไว้นอกตู้เย็น หรือทิ้งไว้จนกระทั่งบ่ายหรือเย็นก่อนที่จะถูกทานเข้าไป ปัญหาก็จะเกิดขึ้น เนื่องจากเชื้อโรคจะมีเวลาในการเพิ่มจำนวนและสร้างสารพิษสะสมไว้ในแซนวิชเพียงพอที่จะทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ โดยอาการหลัก ๆ ของสารพิษ คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หนาวสั่น ความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษที่ได้รับเข้าไป

เปิบปลอดภัย...สไตล์หมอซุป
           ล้างมือให้สะอาด (โดยอย่าลืมร้องเพลง ช้าง ให้จบก่อนด้วยครับ)

           ทุกครั้งก่อนการหยิบจับวัตถุดิบอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีแผลที่มือหรือนิ้ว หรือเลวร้ายขนาดฝีหนองด้วย ซึ่งเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังก็ให้บังเอิญเป็นเชื้อโรคในกลุ่มเดียวกับเชื้อโรคอาหารเป็นพิษนี้เองด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการตระเตรีมอาหารเป็นอย่างยิ่ง

           แต่หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมถุงมือเพื่อไม่ให้เชื้อโรคปนเปื้อนลงไปในอาหาร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีแผลที่มือหรือนิ้วเท่านั้นที่จะสวมถุงมือได้นะครับ แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังเช่นเดิม คือ พยายามไม่ให้ถุงมือไปสัมผัสกับผิวหนังนั่นเอง

           หลังจากเตรียมแซนวิชแล้ว ควรจะเก็บแซนวิชในตู้เย็นหรือเก็บในที่เย็นตลอดเวลาก่อนถึงเวลาทานจริง เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจจะบังเอิญปนเปื้อนไม่ให้เพิ่มจำนวนและสร้างสารพิษออกมา

          เพียงง่าย ๆ เท่านี้ "จานด่วน...จากใจ" ก็จะทำให้สมาชิกในบ้าน "อิ่มด่วน" และ คนเตรียมอาหารก็ได้ "อิ่มใจ" ไปในเวลาเดียวกันครับ

Thank : Modernmom
...............................................................................................

ทานไข่แดงเสี่ยงโรคหัวใจพอ ๆ กับสูบบุหรี่...


วิจัยชี้ ทานไข่แดงเสี่ยงโรคหัวใจพอ ๆ กับสูบบุหรี่  
         "การทานไข่แดงมากเกินไปนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ คอเลสเตอรอลสูง" ประโยคนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่คุ้นหูกันดี โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ ดูเหมือนว่ามันจะทำให้ใครหลาย ๆ คนเลี่ยงทานไข่แดงกันไปเลยทีเดียว แต่หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อและเลี่ยงได้อย่างนั้น ดูเหมือนว่าคุณจะต้องโล่งอกสองต่อ เพราะงานวิจัยที่เรานำมาฝากคุณ ๆ วันนี้ เขาบอกว่า นอกจากไข่แดงจะมีคอเลสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันแล้ว ยังทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาได้พอ ๆ กับการสูบบุหรี่เลยทีเดียว

          งานวิจัยชิ้นนี้ดำเนินการวิจัยโดย นายแพทย์เดวิด สเปนซ์ จากกรุงลอนดอนของอังกฤษ ได้ทำการศึกษาสุขภาพและพฤติกรรมการทานอาหารของผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอายุ เฉลี่ย 61.5 ปี ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลศูนย์แพทย์แห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ลอนดอน จำนวน 1,231 คน โดยประเมินจากปริมาณบุหรี่ และไข่แดงที่บริโภคในแต่ละสัปดาห์ พบว่า ทั้งการสูบบุหรี่ และการทานไข่แดง ต่างเป็นปัจจัยที่เพิ่มความหนาของผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ได้ในปริมาณไล่เลี่ยกัน โดยการทานไข่แดงจะมีความเสี่ยง 2 ใน 3 ของการสูบบุหรี่

          งานวิจัยระบุว่า การทานไข่แดงและสูบบุหรี่ ทำให้ผนังหลอดเลือดสมองคาโรติด หนาขึ้นจนกระทั่งตีบตัน ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ใหญ่วัย 40 ปี ขึ้นไป ผนังหลอดเลือดสมองคาโรติดจะค่อย ๆ หนาขึ้นอยู่แล้ว แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ แต่การทานไข่แดงหรือสูบบุหรี่ จะเร่งความหนาของผนังหลอดเลือดให้เร็วขึ้น ซึ่งเมื่อหลอดเลือดสมองคาโรติดตีบตัน ก็จะทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด นำมาซึ่งโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตัน 

          ทางด้านนายแพทย์เดวิด สเปนซ์ ได้เปิดเผยว่า ไข่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีต่อผู้ที่มีสุขภาพดี แต่ก็ยังมีประเด็นที่คนเราไม่เข้าใจกันอยู่ เรารู้กันมานานว่า ไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงเป็นงานวิจัยสำหรับผู้ใหญ่ทั้งหลาย ให้ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของไข่แดงว่า นอกจากเรื่องคอเลสเตอรอลแล้ว ไข่แดงก็ยังเร่งความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองได้เท่า ๆ กับการสูบบุหรี่ดังที่กล่าวมาข้างต้น

Thank : k@pook
.............................................................................................

ปลอดภัยจากแมลงร้าย เมื่อพักโรงแรม


          หากคุณออกไปค้างอ้างแรมที่อื่น เช่น โรงแรม รีสอร์ท หรือที่ไหนก็ตามแต่ ควรระมัดระวังตัวไว้ให้ดี เพราะอาจจะมีแขกไม่พึงประสงค์อย่างเช่น ตัวเรือด หรือแมลงเล็ก ๆ แอบซ่อนตัวอยู่ตามเตียงนอน หมอน หรือพรมภายในห้องพักของคุณก็ได้ ก่อนที่พวกมันจะทำร้ายสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก ก็ต้องหาวิธีป้องกันซะตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้มีคำแนะนำดี ๆ จากเว็บไซต์ health.com มาฝากกัน เขาจะแนะนำอย่างไรบ้างก็ตามไปดูกันเลย 

 1. ตรงไปที่ห้องน้ำก่อนเลย 
          เพื่อไม่ให้แมลงเหล่านี้มาเกาะตามกระเป๋า หรือเข้าไปแอบซ่อนในกระเป๋าของคุณหลังจากที่คุณเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก ก็นำกระเป๋าและสัมภาระของคุณไปวางไว้ในห้องน้ำก่อนเลย เพราะแมลงพวกนี้ไม่ค่อยชอบพื้นกระเบื้องในห้องน้ำสักเท่าไหร่นัก และในห้องน้ำก็ไม่ค่อยมีที่ให้พวกมันซ่อนตัวด้วย ดังนั้น ห้องน้ำจึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากแมลงต่าง ๆ ที่สุดแล้ว

 2. เช็คเตียงนอน  
          เช็คดูบริเวณรอบ ๆ เตียง ผ้าปูที่นอน หมอนหนุน และรวมไปถึงบริเวณหัวเตียงด้วย หากพบจุดดำ ๆ เล็ก ๆ ดูคล้าย ๆ เชื้อรา สงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่ามันเป็นแมลง โดยลักษณะและขนาดของแมลงบนที่นอนนั้นจะดูคล้าย ๆ กับเมล็ดแอปเปิ้ล ซึ่งส่วนมากก็จะพบตามมุม หรือขอบผ้าปูที่นอน หากพบเจอแมลงเหล่านี้ก็รีบแจ้งให้ทางที่พักทราบทันที 

 3. เช็ครอบ ๆ ห้อง  
          นอกจากเตียงนอนแล้ว ก็ควรเช็คบริเวณรอบ ๆ ห้องด้วย โดยเฉพาะระยะ 15 ฟุตแรกนับจากเตียงนอน เพราะแมลงพวกนี้อาจจะซ่อนอยู่ตามเบาะเก้าอี้โซฟาก็ได้ นอกจากนี้คุณยังควรเช็คด้านหลังของรูปภาพประดับห้องพัก ใต้โทรศัพท์ และในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะนำเสื้อผ้าเข้าไปแขวนไว้ในตู้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง 

 4. อย่าวางกระเป๋าไว้บนพื้น 
          ถ้าคุณไม่อยากได้แมลงกลับไปเป็นของฝาก ก็ควรนำกระเป๋าวางไว้บนชั้น หรือที่สำหรับวางกระเป๋า เพราะแมลงอาจจะไต่มาตามพรมจากห้องอื่น เพื่อมาหาแหล่งที่อยู่ใหม่ในห้องของคุณก็ได้ ฉะนั้นคุณก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ หรือวางกระเป๋าเดินทางของคุณเอาไว้บนพื้นนะ

 5. เพิ่มระดับความปลอดภัย  
          ปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจากแมลง โดยการเก็บของเอาไว้ในกล่องพลาสติก หรือถุงพลาสติกตลอดการเดินทาง เพราะแมลงอาจไม่ได้มาจากที่พักเท่านั้น แต่พวกมันอาจจะติดมากับกระเป๋าคุณ ในระหว่างที่กำลังย้ายสัมภาระจากที่หนึ่งไปสู่อีกหนึ่ง เช่น ช่วงเปลี่ยนเครื่องบิน หรือเปลี่ยนรถก็ได้ วิธีนี้อาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อย แต่ก็ทำให้คุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 6.เปลี่ยนห้องใหม่ซะ 
          หากคุณเจอแมลงเหล่านี้ ก็ควรแจ้งให้ทางที่พักทราบทันที และขอเปลี่ยนห้องพักด้วยซะเลย ก่อนที่ทางที่พักจะเปลี่ยนห้องให้กับคุณ ก็อย่าลืมบอกเขาด้วยว่า ขอชั้นที่ห่างจากชั้นเดิมถัดไปอีกสองชั้น จะทำให้คุณปลอดภัยจากแมลงร้ายมากยิ่งขึ้น 

 7. พูดกับทางโรงแรมไปเลยตรง ๆ 
          บางคนอาจจะคิดว่าแมลงเหล่านี้เป็นแค่ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยเกิดอาการเกรงใจไม่กล้าแจ้งเปลี่ยนห้อง ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากห้องพักของคุณมีปัญหา คุณก็มีสิทธิ์ที่แจ้งเปลี่ยนห้องหรือย้ายห้องได้ ที่สำคัญทางที่พักก็จะได้หาทางป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่แมลงเหล่านั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ และลุกลามไปยังห้องอื่น ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของที่พัก

Thank : k@pook
....................................................................................................

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กำจัด จุดอ่อน ที่หัวใจ...


จุดอ่อนที่หัวใจ ที่กล่าวถึงนี้ไม่ใช่เรื่องราวรักๆ แบบในละคร แต่หมายถึงอาการของผู้ป่วย "โรคหัวใจ" ที่ควรหาทางป้องกัน จากสถิติผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงขึ้นเป็นอันดับสองรองจากโรคมะเร็ง และยังมีแนวโน้มพบในคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดพบในผู้ป่วยอายุเพียง 29 ปี 

น.พ.เสมชัย เพาะบุญ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่าโรคหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการกินดีอยู่ดี และความสะดวกสบายมากขึ้น โดยที่ในอดีตมนุษย์ส่วนใหญ่มักเสียชีวิตจากสงครามและโรคติดเชื้อเท่านั้น แต่ในปัจจุบันโรคที่เป็นปัญหาหลักที่ทำให้เสียชีวิตได้แก่ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยโรคหัวใจและหลอดเลือดจะมีปัจจัยเสี่ยงหลัก 2 ประเภท คือ ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ เช่น เพศ พบในชายมากกว่าหญิง, อายุ วัยเสี่ยงคือ ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป ผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป และกรรมพันธุ์ มีพ่อแม่และญาติที่เป็นสายตรงเป็นโรคหัวใจ 

โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และโรคที่กำลังมีแนวโน้มพบมากขึ้น ได้แก่ โรคอ้วนลงพุง คือภาวะที่มีรอบเอวเกินมาตรฐาน โดยในผู้ชายมากกว่า 36 นิ้ว และในผู้หญิงมากกว่า 32 นิ้ว และมีความผิดปกติของน้ำตาลในเลือด 

แนวทางการป้องกันต้องเน้นไปที่ปัจจัยที่แก้ไขได้เป็นหลัก 
อันดับแรก คือในผู้ที่สูบบุหรี่ต้องหยุดสูบบุหรี่ รวมไปถึงผู้ใกล้ชิดที่มีโอกาสได้รับควันบุหรี่ด้วย ทั้งนี้พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่จะมีอายุสั้นกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 ปี 

ปัจจัยต่อมา ควรหมั่นตรวจร่างกายว่าเรามีภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน หรือมีระดับไขมันในเลือดผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีควรรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น จะช่วยลดโรคแทรกซ้อนในระยะยาวได้ ในระยะแรกที่ยังเป็นไม่มากควรใช้การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายก่อน แต่ถ้าเป็นมากต้องใช้ยารักษา 

อันดับสุดท้าย เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คือการออกกำลังกายให้เหมาะสมและเพียงพอ จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจได้ การออกกำลังกายที่ดีควรทำแบบต่อเนื่อง คือมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อตอนเริ่มต้น เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บ เริ่มต้นช้าๆ เพื่ออบอุ่นร่างกายและเตรียมพร้อม จากนั้นค่อยๆ เพิ่มความเร็วและเวลามากขึ้น สุดท้ายต้องค่อยๆ ลดความเร็วลงเพื่อให้ร่างกายและหัวใจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป 

        ผู้มีปัจจัยเสี่ยงอย่าวิตกจริตเกินเหตุ เพราะอาการเจ็บแน่นบริเวณหน้าอกไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคหัวใจเสมอไป ให้สังเกตตามกลุ่มอาการ เช่น 
1. กลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหนักหน้าอกเหมือนถูกบีบรัด ร้าวไปที่คอ กรามล่าง ไหล่ และแขนซ้าย นอกจากนี้อาจมีเหงื่อแตก หน้ามืด หรือเหนื่อยหอบร่วมด้วย มักเป็นขณะออกแรงหรือออกกำลังมากไป อย่าปล่อยให้เจ็บเกิน 5 นาที ควรรีบพบแพทย์ 

2. กลุ่มโรคของกล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยจะเหนื่อยง่าย หอบหนักผิดปกติแม้เวลากลางคืน นอนราบไม่ได้ 

3. กลุ่มโรคของระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย บางรายอาจมีวูบเป็นลมหมดสติ ตัวผู้ป่วย ญาติ และผู้ใกล้ชิดควรตระหนักถึงเรื่อง "เวลา" เป็นสำคัญ หากพบผู้ป่วยมีภาวะอาการดังกล่าวต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจให้เร็วที่สุด 

        สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการติดต่อศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลวิภาวดี โทร. 0-2941-2800 ต่อ 1905 

Thank : ข่าวสด
....................................................................................................

ข้าวโพดอัญมณีแก้ว ข้าวโพดที่ สวยที่สุดในโลก


           อย่างแรกต้องบอกก่อนว่ามันเป็นข้าวโพดจริงๆ ไม่ได้เป็นภาพแต่งจาก Photoshop ข้าวโพดพันธุ์นี้มีชื่อว่า ข้าวโพดอัญมณีแก้ว(Glass Gem Corn) เนื่องจากสีสันที่หลากหลายในฝักเดียวแถมเมื่อผ่านการนำไปต้มแล้วมันยังมีสีเหลือบเป็นมันวาวอีกต่างหาก

            ภาพชุดนี้ถูกโพสท์ลงหน้าเพจ Facebook ของบริษัทเมล็ดพันธุ์พืช Seeds Trust เมื่อเดือนตุลาคม 2012 นี้แต่หลังจากลงรูปไปไม่นานทางบริษัทฯก็ต้องรีบถอดรูปออกเพราะมีผู้ประสงค์จะซื้อ เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดอัญมณีแก้วเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากทางบริษัทฯเองก็มีเมล็ดพันธุ์เพียงเล็กน้อยและขายหมดอย่างรวดเร็ว

            ย้อนไปบริษัทฯก็ได้รับตัวอย่างเมล็ดข้าวโพดมาจากนักเพาะเมล็ดพันธุ์นามว่านาย Greg Schoen ซึ่งเขาเองก็ได้รับเมล็ดพันธุ์มาจากอาจารย์ผู้ล่วงลับของเขาที่มีชื่อว่านาย Cark Barnes ซึ่งเป็นอินเดียนแดงเผ่า Cherokee ในรัฐโอกลาโฮมา (นาย Cark Barnes เป็นนักเพาะพันธุ์พืชที่เก่งกาจ เขามีความสามารถในการคัดเลือกและเพาะพันธุ์ ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนว่าเขาได้ทำการผสมข้ามสายพันธุ์อย่างไรและใช้เวลาเนิ่นนานเท่าไรจนได้มาจึง ข้าวโพดอัญมณีแก้ว นี้)

            เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดอัญมณีแก้วบางส่วนทีทางบริษัทเก็บเกี่ยวเมื่อช่วง ตุลาคม 2012 จะถูกนำไปเพาะปลูกใหม่ในช่วงหน้าหน้าร้อนปี 2013 ซึ่งผู้สนใจเมล็ดพันธุ์ก็คงต้องรอไปก่อน

            ส่วนคำถามที่ทุกคนมีอยู่ในใจตอนนี้่คือ มันกินได้หรือเปล่า คำตอบคือกินได้แต่ไม่ใช่นำไปต้มกินแต่ ข้าวโพดอัญมณีแก้วเป็นสายพันธุ์ที่นำไปคั่วกินเป็นป๊อปคอร์น(Popcorn) หรือนำไปบดทำแป้งข้่าวโพด หรือจะปลูกไว้เพื่อความสวยงาม

ที่มา: http://wowboom.blogspot.com/2012/10/glass-gem-corn.html#more
........................................................................................................

''พิงค์กี้'' ไม่ปลื้มละคร ''แรงเงา'' ...


พิงกี้ โนคอมเม้นต์ บทบาทเมียหลวง เมียน้อยในละคร "แรงเงา" !!!
''พิงค์กี้'' ไม่ปลื้มงดพูดถึงละคร ''แรงเงา'' เปรยอยากกลับไปเล่นหนังอินเดียอีก แต่ถ้าไปก็ต้องอยู่ยาวอย่างน้อยครึ่งปี

เป็นดาราไทยที่มีโอกาสไปชิมลางเป็นนางเอกหนังอินเดียมาแล้ว สำหรับ ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช ซึ่งพอมีงานที่เกี่ยวกับเทศกาลหนังอินเดียก็มักถูกรับเชิญไปร่วมงานอยู่เสมอ ล่าสุดนางเอกสาวนัยน์ตาแขกก็ไปสวมชุดส่าหรีร่วมเดินพรม

แดงในเทศกาลศตวรรษภาพยนตร์อินเดีย 2012 ที่รัฐบาลอินเดียจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เมื่อค่ำวันที่ 18 ต.ค. 55 ที่ผ่านมา โดยงานนี้เป็นการรวบรวมเอาภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยมหลากหลายเรื่องของประเทศอินเดียมาจัดฉายให้ชมฟรีกันตลอดงานระหว่างวันที่ 18-21 ตุลาคมนี้ ขณะที่สาวพิงค์กี้เองก็ปลาบปลื้มที่มีเทศกาลดังกล่าว พร้อมทั้งเชิญชวนแฟนหนังให้มาดูหนังอินเดียเหมือนกับสมัยที่หนังบอลลีวู้ดบูมในบ้านเราสุดๆ เมื่อสมัย 20 กว่าปีที่แล้ว ขณะ
ที่การกลับไปเล่นหนังที่แดนโรตีอีกครั้งนั้นนางเอกสาวก็ยินดีถ้ามีโอกาส โดยเจ้าตัวได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า
  
''ยังไม่ทราบค่ะว่าจะได้กลับไปหรือเปล่า แต่ขอให้มีงานแบบนี้ มีงานที่คนไทยจะได้ดูภาพยนตร์อินเดีย กี้ว่าเป็นงานที่ดีนะคะ ส่วนเรื่องกลับไปที่อินเดียอนาคตถ้ามีก็ยินดี และอยากทำค่ะ กระแสที่ผ่านมาก็ดีค่ะ อย่างที่บอกไปผ่านมาปีหนึ่งแล้ว

แต่ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าแฟนหนังว่ายังไง เพราะทำงานแล้วกลับมาเลย ซึ่งถ้าเรากลับไปทำงานก็ต้องไปอยู่เลย ไม่ใช่ว่าไปแล้วกลับมา มันต้องอยู่อย่างน้อย 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ต้องรอดูเรื่อยๆ ค่ะ ต้องเลือกค่ะ เพราะงานที่นั่นมันระยะยาว ไว้มี
โอกาสจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที''
  
อย่างไรก็ตาม ถึงการกลับไปเล่นหนังอินเดียจะยังไม่ชัวร์ แต่ตอนนี้ก็มีกระแสความแรงของละครเรื่อง ''แรงเงา'' ที่แม้ว่าสาวพิงค์กี้จะไม่ได้เล่นแต่แฟนละครก็พูดถึงกันเหลือเกิน ซึ่งพอนักข่าวถามถึงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กรณีเมียหลวง-เมียน้อย นางเอกสาวก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีโดยพูดแต่เพียงว่า ''ไม่ค่ะๆ ไม่ตอบ'' ก่อนจะเดินหนีไปด้วยท่าทางไม่ปลื้มสักเท่าไหร่
...............................................................................................

วิธีเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน

          ไม่ว่าเป้าหมายเรื่องการงานของคุณ จะเป็นความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง หรืออะไรก็ตาม นอกจากตัวคุณเองแล้ว ปัจจัยต่าง ๆ ระหว่างทาง ทั้งตัวงาน หรือเพื่อนร่วมงาน ก็เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ชวนคุณมาจัดโต๊ะทำงาน เพื่อเสริมฮวงจุ้ย ให้งานของคุณก้าวหน้าและประสบความสำเร็จกันดีกว่า  


 1.บนโต๊ะทำงาน
          - ด้านซ้ายของโต๊ะหมายถึงความรู้ความสามารถ ดังนั้นควรวางหนังสือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น พจนานุกรม คู่มือ เอกสารอ้างอิงต่าง ๆ หรือสิ่งของที่คุณจำเป็นจะต้องใช้บ่อย ๆ เพื่อส่งเสริมความรู้ความสามารถของคุณให้พัฒนาต่อเนื่อง
          - ส่วนด้านขวาพื้นที่เกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ คุณสามารถนำรูปครอบครัว หรือคนที่คุณรักมาติดไว้ ก็จะทำให้ความรักของคุณสดใสขึ้น หรือวางแจกันดอกไม้ก็สวยไปอีกแบบ แต่ดอกไม้ในแจกัน ควรเป็นเลขคู่นะ ไม่แน่ตกเย็นนี้อาจมีหนุ่ม ๆ มาขายขนมจีบให้ หัวใจคุณกลายเป็นสีชมพูก็ได้ และถ้าคุณกำลังหาที่วางอุปกรณ์การทำงาน เช่น ที่เย็บกระดาษ หรือกล่องใส่ปากกา ก็ควรวางไว้ด้านนี้เช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยส่งเสริมเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ยังช่วยส่งเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ใครที่กำลังหาไอเดียใหม่ ๆ ก็ลองนำวิธีไปใช้ได้นะ


 2.ตำแหน่งโต๊ะทำงาน
          - ไม่ควรหันโต๊ะทำงานให้ตรงกับทางเข้า หรือหันหน้าเข้ากำแพง เพราะจะทำให้คุณเจอแต่อุปสรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่โต๊ะทำงานของคุณอยู่ตรงข้าม หรือเยื้อง ๆ กับประตู ควรนำโคมไฟตั้งพื้น ต้นไม้ทรงสูง หรืองานศิลปะมาวางไว้บริเวณทางเข้า เพื่อนำสายตาออกจากโต๊ะทำงานของคุณ ช่วยส่งเสริมด้านอำนาจให้กับคุณ บริเวณด้านหน้าของโต๊ะทำงาน ควรดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ  เพื่อให้การงานของคุณราบรื่น
          - ด้านหลังของโต๊ะทำงาน เชื่อว่าจะช่วยเสริมเรื่องการงาน และการเงินของคุณ ควรหันหลังเข้าหากำแพงเสมอ เพื่อความมั่นคงในหน้าที่การงานโดยนำภาพรางวัล ประกาศนียบัตร หรือเอกสารต่าง ๆ ที่แสดงถึงความสำเร็จของคุณมาติดเอาไว้ เป็นตัวช่วยส่งเสริมที่ดีในเรื่องการทำงาน และหากหลังโต๊ะของคุณเป็นมุมห้อง หากมีสิ่งของควรจัดให้เป็นระเบียบ และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของการเงินให้ไหลมาเทมา เป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก


 3.ที่นั่งทำงาน
          เก้าอี้ที่ดีนั้น ควรมีพนักพิงที่มีความสูง สามารถรองรับและพอดีกับหลังของคุณ และมีที่วางแขนที่มั่งคง ควรหมั่นเช็ดถูเก้าอี้ของคุณให้สะอาด และควรดูแลส่วนประกอบต่าง ๆ ของเก้าอี้ให้ดี หมั่นเช็คความแข็งแรงของเก้าอี้ ไม่โยกเยก ล้อไม่ฝืด ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะเก้าอี้ที่แข็งแรงก็จะทำให้การงานของคุณมั่นคงไปด้วย ถ้าหากออฟฟิศเป็นพื้นพรม ก็ควรรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่นั่งรอบ ๆ ให้สะอาด หรือหาเสื่อพลาสติกมาแทนที่ก็ได้ เพื่อเปลี่ยนสภาพพื้นให้ใหม่ขึ้น


 4.องค์ประกอบอื่น ๆ
          ควรทำให้อากาศ ปละบรรยากาศให้ห้องทำงานสะอาด สดชื่นอยู่เสมอ อาจจะนำคริสตัล หรือน้ำมันหอมระเหย สเปรย์เพื่อช่วยระงับกลิ่นต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ก็ได้ เพื่อช่วยส่งเสริมพลังงานที่ดีรอบ ๆ ภายในที่ทำงานของคุณ หรือจะวางต้นไม้เพื่อช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในออฟฟิศของคุณก็ได้ เช่น ต้นหมาก ไผ่ หรือเฟิร์นบอสตัน ช่วยฟอกอาการก็ได้

Thank : k@pook
..................................................................................................