เป๊ปซี่ กับ เสริมสุข แยกทางเพราะ ...
58 ปีก่อน
เป๊ปซี่ : นี่เธอ เรามาจากอเมริกา เราเป็นคู่แข่งกับโคคาโคล่า เธอช่วยเราหน่อยสิ
เสริมสุข : ให้ช่วยไรล่ะ
เป๊ปซี่ : ก็ฉันเป็นฝรั่ง ไม่รู้นิสัยคนไทยเลยฉันไปไหนไม่ถูก ช่วยหน่อยนะ
เสริมสุข : ได้ แล้วเอาไง
เป๊ปซี่ : เธอก็ซื้อหัวน้ำเชื้อจากฉัน เอาไปผลิต จัดส่ง ขาย ลงทุนตู้ยงตู้เย็น ร้านค้าอะไรต่างๆเธอวิ่ง ฉันจะสอนความรู้และเอาอะไรดีๆจากเมืองนอกมาให้
ต่อมา ความร่วมมือของทั้งสองก็เป็นไปอย่างราบรื่น สำเร็จขนาดที่ว่าในโลกนี้มี 2 ประเทศเท่านั้นที่เป๊ปซี่ชนะโค้กได้ เป็นความเก่งของคนไทย
เมื่ออะไรอะไรมันดีขนาดนี้ ฝรั่งเกิดความคิดใหม่
เป๊ปซี่ : นี่ เธอเลิกไปเลย ฉันจะซื้อบริษัทของเธอทั้งหมด
เสริมสุข : เฮ้ย จะบ้าเหรอ เราทำงานกันมา 50 กว่าปี มาถึงวันนี้จะเฉดหัวส่งกันซะงั้น
เป๊ปซี่ : อย่าคิดมากน่ะ เอาเงินไป ฉันอยากจะทำเองเพราะมันคล่องตัวกว่าทำงานร่วมกับเธอ
เสริมสุข : โห มากไปแล้วมั้ง
เป๊ปซี่พยายามซื้อในราคาที่ต่ำมาก จนเสริมสุขรับไม่ได้กับคุณค่าที่ทำมาตลอด เห็นฉันเป็นอะไรซื้อกันถูกๆแบบนี้
เรื่องราวก็ระหองระแหงกันมา จนทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ว่า "เอางี้ ใครดีใครได้ "
เสริมสุข : เสนอราคามาสิ ว่าจะซื้อเท่าไหร่ ถ้าฉันพอใจฉันขาย ถ้าฉันไม่พอใจ ฉันซื้อเธอในราคาที่เธอเสนอซื้อฉัน เอาไหม
เป๊ปซี่ : ได้เลย
แต่เหตุการณ์ที่พลิกผันเกิดขึ้นเมื่อไทยเบฟ หรือ ค่ายช้าง ดอดเข้ามาเจรจากับเสริมสุข แล้ว ซื้อหุ้นทั้งหมดของเสริมสุขเป็นของตัวเอง เหตุการณ์นี้จบไปตั้งแต่ กันยายน 2554 และเป๊ปซี่จะหมดสัญญากันไปกับเสริมสุขในเดือน พฤศจิกายน 2555
เมื่อหมดสัญญา ทางเป๊ปซี่ก็เหวอเลย เพราะที่ผ่านมา ขวด รถ ตู้เย็น รายชื่อร้านค้า โต๊ะ พนักงานขาย เป็นของเสริมสุขหมด ไม่มีอะไรเหลือในการทำการตลาดเลย นอกจาก "ตราสินค้า" กับ "โรงงานผลิต"
ทางเสริมสุขก็นกรู้ เตรียม est เอาไว้และเอาเข้าเสียบแทนทุกจุดที่เคยเป็นเป๊ปซี่ หนอยแน่ะ ดูถูกคนไทยเจอแบบนี้แล้วกัน
เป๊ปซี่เองก็จุก เพราะ ทำอะไรไม่ทัน ได้แต่ผลิตแบบขวดพลาสติคและกระป๋องไปก่อน (ตลาดแบบคืนขวดมีขนาด 60% ของตลาดทั้งหมด)
Thank : facebook ของBie The Ska, กรุงเทพธุรกิจ
....................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น