tororichclub

tororichclub

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความลับของเศรษฐีสู้ชีวิต

         เมื่อคุณนึกถึง "เศรษฐี" ภาพอะไรที่เข้ามาในใจ พวกเราหลายคนคงจะนึกถึงนักการเงินแถวตลาดหุ้นที่นั่งเครื่องบินส่วนตัว สะสมรถยนต์ และใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยแบบที่จะทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ภูมิใจ

           แต่เศรษฐีสมัยใหม่หลายคนอาศัยอยู่ท่ามกลางชนชั้นกลาง ทำงานเต็มเวลา และซื้อของในร้านลดราคาเหมือนพวกเราทั้งหลาย สิ่งที่บันดาลใจพวกเขาไม่ใช่การครอบครองทรัพย์สมบัติ แต่คือทางเลือกที่เงินสามารถบันดาลให้ได้ สำหรับคนรวย ข้าวของหรูหราราคาแพงไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อยู่ที่พวกเขามีอิสรภาพในการตัดสินใจได้เกือบทุกอย่างตามต้องการ ที. ฮาร์ป อีเคอร์ ผู้แต่งหนังสือ ความลับในใจเศรษฐี เขียนไว้ ความมั่งคั่งหมายความว่า คุณสามารถส่งลูกไปเรียนโรงเรียนไหนก็ได้ หรือลาออกจากงานที่คุณไม่ชอบ

          รายงานสำรวจความมั่งคั่งของสหรัฐฯประจำปีระบุว่ามีผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างดีมากขึ้นกว่าเดิม จำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในทศวรรษที่แล้ว และคนรวยก็รวยขึ้น การที่จะเข้าไปอยู่ในรายชื่อคนอเมริกันร่ำรวยที่สุด 400 อันดับแรกของนิตยสารฟอร์บส์ ปีที่ผ่านมา รวยแค่พันล้านเหรียญไม่พอแล้ว คุณจะต้องมีรายได้สุทธิอย่างน้อย 1,300 ล้านเหรียญ หากจำนวนคนร่ำรวยมีมากกว่าเดิม ทำไมคุณจะเป็นหนึ่งในนั้นบ้างไม่ได้ ต่อไปนี้คือเศรษฐีห้าคนที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญซึ่งจะมาเผยความลับว่าอะไรที่ช่วยให้พวกเขาไปถึงจุดนั้น

1. เล็งจุดที่ต้องการ
          เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เจฟ แฮริสดูไม่มีวี่แววว่าจะร่ำรวย เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงภรรยาและลูกสามคน โดยทำงานเป็นแคชเชียร์ในซูเปอร์มาร์เก็ต และทำงานในป่าช้าเศษเหล็กที่ซึ่งเขาหลอมเศษเหล็กเคียงข้างกับนักโทษ บางครั้งเราถังแตกขนาดซักเสื้อผ้าด้วยมือเพราะไม่มีเงินหยอดเหรียญเครื่องซักผ้าในร้าน ตอนนี้ เขาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนและเศรษฐีเงินหลายล้านวัย 49 ในรัฐแคโรไลนา

          เหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เจฟก้าวขึ้น มาเหนือคนอื่นคือเขารู้ตัวเสมอว่าตัวเองจะรวย ข้อเท็จจริงระบุว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 80 ที่มีทรัพย์สินอย่างน้อยห้าล้านเหรียญเติบโตในครอบครัวชั้นกลางหรือจนกว่านั้นเหมือนอย่างเจฟ

           อยากรวยคือก้าวสำคัญก้าวแรก อีเคอร์กล่าวว่า อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางความร่ำรวยคือความกลัว คนกลัวที่จะคิดการใหญ่ แต่ถ้าคุณคิดเล็ก คุณก็จะประสบความสำเร็จในสิ่งเล็กๆเท่านั้น

          จุดเริ่มต้นสำหรับเจฟเกิดขึ้นเมื่อเขาพบตัวแทนค้าหุ้นในงานเลี้ยง หลังพูดคุยกับเขา ผมรู้สึกเหมือนมนุษย์ค้นพบไฟเป็นครั้งแรก เขาเล่า ผมเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงพักระหว่างทำงานที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และเริ่มลงเงิน 25 เหรียญต่อเดือนในกองทุนรวม ต่อมา เขาสอนเกี่ยวกับการลงทุนในวิทยาลัยชุมชนแถวบ้าน นักเรียนของเขาเป็นลูกค้ารายแรกๆซึ่งนำไปสู่ธุรกิจให้คำปรึกษาการลงทุน ต้องดิ้นรนเหนื่อยยากมากเจฟเล่า แต่สิ่งที่ผลักดันให้ผมผ่านมาได้ เพราะความเชื่อเต็มหัวใจว่าผมจะประสบความสำเร็จ

2. หาความรู้ใส่ตัว
          สตีฟ แม็กซ์เวลเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และได้งานในบริษัทไฮเทค แต่รายได้กลับไม่ชนปลายเดือน ผมเคยลงเรียนวิชาการเงินในวิทยาลัย แต่ไม่ได้เรียนเพราะจะไปเที่ยวเล่นสกี พ่อลูกสามวัย 45 ซึ่งอยู่ในรัฐโคโลราโดเล่า ผมถึงขนาดต้องไปที่ธนาคารแล้วขอให้พนักงานสอนผมอ่าน ใบรายงานสถานภาพการเงิน

          อุปสรรคใหญ่ประการหนึ่งในการทำให้เงินงอกเงยคือความไม่เข้าใจ คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการลงทุนเพราะไม่เข้าใจ แต่ถ้าจะทำให้เงินงอกเงย คุณต้องมีความรู้เรื่องการเงิน ผมรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ สตีฟกล่าว ผมจึงอ่านหนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับการบริหารเงินและการลงทุน และผมสอบถามผู้เชี่ยวชาญการเงินทุกคนที่รู้จักให้อธิบายเรื่องต่างๆ

           สตีฟและภรรยาเริ่มนำบทเรียนมาใช้ โดยตั้งมั่นที่จะใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ พวกเขา ไม่ซื้อตามอารมณ์ชั่ววูบ ต่อรองให้ได้ราคาที่ ดีกว่าเสมอ (ซื้อรถ เฟอร์นิเจอร์) และอยู่ในบ้านหลังเดิมของตัวเองต่อไปอีกนานแม้จะมีเงินพอซื้อบ้านหลังที่แพงขึ้น พวกเขายังกันเงินร้อยละ 20 ของรายได้ประจำปีเพื่อลงทุน

          ภายในสิบปี พวกเขากลายเป็นเศรษฐี ผู้คนต่างมาหาสตีฟเพื่อขอคำแนะนำ บางคนบอกว่า ฉันต้องการเอาบ้านจำนองเพื่อขอกู้ใหม่ ฉันควรทำอย่างไร หลายครั้งผมไม่รู้คำตอบ แต่ผมจะไปหาคำตอบและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไปด้วย

          ในปี 2546 สตีฟลาออกจากงานและเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งในบริษัทที่จัดสัมมนาเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลสำหรับพนักงานบริษัทอย่างวอลมาร์ท เขายังเริ่มจัดสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้ เขามีมูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 30 ล้านเหรียญ ทั้งในอพาร์ตเมนท์ ห้างสรรพสินค้า และเหมืองแร่

          ผมเป็นวิศวกรซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตแบบนี้จะเป็นไปได้ แต่ทั้งหมดที่ต้องทำคือการหาความรู้นิดหน่อยให้ตัวเอง สตีฟ กล่าว คุณจะทำอะไรก็ได้เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของเรื่องนั้นๆ

3. ทำในสิ่งที่ใจรัก
          ในปี 2538 จิล บลาแช็ก สตราฮันและสามีรายได้แทบไม่ชนเดือน จิลก็เหมือนพวกเราหลายคนที่กระตือรือร้นอยากค้นหาเป้าหมายของตัวเอง ดังนั้น เธอจึงเข้าอบรมกับผู้แนะแนวชีวิต ตอนที่ฉันบอกเธอว่า เป้าหมายของฉันคือทำเงิน 30,000 เหรียญต่อปี เธอบอกว่าฉันตั้งเป้าไว้ต่ำไป ฉันจะต้องพุ่งความสนใจไปในสิ่งที่ใจรักและอยากทำ ไม่ใช่ตัวเงินหรือรายได้

          จิลอาศัยอยู่ในรัฐมินนิโซตากับลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของร้านกระเช้าของขวัญ เธอมีรายได้เพียง 15,000 เหรียญต่อปีและสังเกต ว่าเมื่อให้ลูกค้าชิมอาหารต่างๆ กระเช้าก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จิลคิดว่าทำไมไม่ขายอาหารให้ลูกค้าในบรรยากาศที่สนุกสนาน

          ด้วยเงินออมราว 6,000 เหรียญบวกเงินกู้ธนาคารและเงินลงทุนของเพื่อน จิลเริ่มกิจการอาหารบรรจุกล่องรสโอชาโดยทำกันในโรงเก็บของที่สนามหลังบ้าน และขายอาหารกล่องเหล่านั้นในงานเลี้ยงชิมรสชาติอาหาร การเริ่มต้นไม่ง่าย ฉันจำได้ว่าเคยนั่งอยู่นอกบ้านวันหนึ่ง แล้วคิดวิตกเรื่องที่ขาดส่งค่าผ่อนบ้านสามเดือนแล้ว แถมมีลูกจ้างสองคนที่ไม่มีปัญญาจ่ายเงินเดือนให้ ฉันจะต้องหางานจริงๆทำแล้ว แต่เมื่อคิดว่าไม่ได้ นี่เป็นความฝันของฉัน ต้องมุ่งมั่นอีกครั้งและทำต่อไป

          เธอฮึดสู้แม้หลังสามีเสียชีวิตในอีกสามปีต่อมา ฉันอยู่โดยยึดกฎแห่งความอุดมสมบูรณ์ แม้จะมีความท้าทายในชีวิต ฉันก็มองหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

          ทัศนคติทางบวกก่อเกิดผลดี บริษัทในสนามหลังบ้านของจิลชื่อเทสต์ฟูลลี ซิมเปิล ตอนนี้เป็นธุรกิจขายตรงที่มียอดขายถึง 120 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว จิลได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 24 นักธุรกิจหญิงยอดเยี่ยมที่เป็นเจ้าของกิจการในอเมริกาเหนือจากนิตยสารฟาสต์ คอมพานี

          รายงานวิจัยโดยโทมัส เจ. สแตนเลย์ ผู้แต่งหนังสือเรื่อง ความคิดของเศรษฐี ระบุว่า เศรษฐีกว่าร้อยละ 80 บอกว่า พวกเขาไม่มีวันประสบความสำเร็จถ้างานที่ทำไม่ใช่สิ่งที่ใจรัก

4. ให้เงินงอกเงย
          พวกเราส่วนใหญ่รู้เพียงวงจรของเงินเดือนจากเดือนหนึ่งไปยังอีกเดือน วิธีดีที่สุดที่จะหลุดพ้นจากรูปแบบนี้คือหาเงินพิเศษเพื่อจุดประสงค์เฉพาะในการลงทุนซ้ำ ลอรัล แลงเมียร์ ผู้แต่งหนังสือ การสร้างเศรษฐี กล่าว นั่นคือกันเงินไว้เพื่อจุดประสงค์เดี่ยวๆโดยการ ลงทุนในที่ซึ่งเงินจะงอกเงยอย่างเป็นกอบเป็นกำในธุรกิจหรืออสังหาริมทรัพย์

          วิธีหาเงินพิเศษเพื่อการลงทุนมีนับไม่ถ้วน คุณแค่ต้องเต็มใจที่จะลงแรง ทุกคนมีทักษะที่ตลาดต้องการ แลงเมียร์กล่าว ตอนเริ่มต้น ฉันมีธุรกิจสอนพิเศษ สอนตอนเช้าก่อนไปทำงานและตอนพักเที่ยง

          เงินรายได้จากงานพิเศษเล็กๆน้อยๆสามารถงอกเงยเป็นเงินล้านได้จริง เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ริก ซีกอร์สกีฝันจะเป็นเจ้าของธุรกิจบริหารร่างกาย ผมเช่าห้องเล็กๆ คิดค่าสอนชั่วโมงละ 15 เหรียญ เขาเล่า เมื่อเริ่มมีรายได้เข้ามา แทนที่จะใช้ เขาลงทุนทั้งหมดกลับ เข้าไปในธุรกิจสตูดิโอขนาดเกือบ 40 ตารางเมตรของเขาซึ่งปัจจุบันคือฟิตเนสทูเก็ตเทอร์ ธุรกิจแฟรนไชส์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไฮแลนด์แรนซ์รัฐโคโลราโด มีสาขาอยู่กว่า 360 แห่งทั่วโลก ตอนนี้เขามีสินทรัพย์กว่า 40 ล้านเหรียญ

          เมื่อมีรายได้พิเศษเข้ามา คุณต้องจ่ายให้ตัวเองก่อน โดยนำเงินไปใส่ไว้ในที่ที่เงินจะทำงานหนักให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นในกองทุนเกษียณอายุ ธุรกิจอื่นๆ หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

5. ไม่กล้าก็ไม่รุ่ง
          กลางปีที่แล้ว เดฟ ลินดัลจ่ายเงินเลี้ยงญาติๆ 18 คนในคฤหาสน์หรูที่อะดิรอนแดกส์ คืนหนึ่ง พ่อของเขามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างนอกพร้อมกับพูดติดตลกว่า พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราเคยเรียกลูกว่าแกะดำ

          ในวัย 29 เดฟไม่มีเงิน อยู่ห้องพักเล็กๆใกล้บอสตันและสับสนว่าจะทำอะไรต่อไปดีหลังอยู่กับวงดนตรีร็อกเล็กๆนานสิบปี ผมมองไปรอบๆและคิดว่า ถ้าไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ผมคงต้องอยู่สภาพนี้ตลอดไป

          เขาเริ่มตั้งบริษัทภูมิทัศน์โดยกู้เงินมาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เมื่อธุรกิจเรียกได้ว่าแน่นิ่งในช่วงฤดูหนาวนั้น เพื่อนที่เป็นนายธนาคารคนหนึ่งถามว่าเขาอยากจะซ่อมบ้านที่ธนาคารยึดจำนองมาไหม ผมไม่มีฝีมือเรื่องช่างไม้เลยแต่ต้องการเงิน ดังนั้น ผมจึงเข้าฟังสัมมนาฟรีที่โฮมดีโปจัดขึ้นและเรียนรู้ไปทำงานไป เขาเล่า

          หลังซ่อมแซมบ้านไปสองสามหลัง เขาคิดได้ว่าทำไมไม่ซื้อบ้านและขายทำกำไรล่ะ เขาลองเสี่ยงและซื้อบ้านหลังแรก เมื่อได้กำไรมา เขาซื้อหลังต่อไปและหลังต่อไป ผ่านไป 12 ปี ตอนนี้ เขาเป็นเจ้าของอาคารที่พักมูลค่า 143 ล้านเหรียญในแปดรัฐ

By โดย คริสทีน คูเส็ก เลวิส
.................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น