tororichclub

tororichclub

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"ตำนานแม่ผู้ยิ่งใหญ่".....ดูแลลูกเจ้าชายนิทรา28ปี.....

          ย้อนหลังไปเมื่อ 17-18 ปีก่อน พระเอกตุ๊กตาทอง อนาคตกำลังจะสดใส "เปี๊ยก-อโนเชาว์ ยอดบุตร" ต้องกลายเป็นพระเอกผู้อาภัพไปในชั่วพริบตา จากพระเอกที่โด่งดังสุดขีด ในยุคทองนางเอกค้างฟ้า เปิ้ล-จารุณี สุขสวัสดิ์ พลันที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง รักกันวันละนิด ที่เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2526 สมองเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก จนกลายเป็น "เจ้าชายนิทรา" 

          จากวันนั้นถึงวันนี้...เขามีชีวิตอยู่แต่บนเตียง ร่างกายผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูก ไม่มีความรู้สึก ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆทั้งสิ้น ทุกข์ทรมานเพียงใดก็ไม่สามารถจะบอกกล่าวกับใครได้ แต่ก็ยังมีอยู่อีกคนหนึ่งที่รับรู้ทุกข์นี้ร่วมกับเขาด้วยมาโดยตลอด อาจจะทุกข์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ!! 
คนๆนี้ก็คือคุณแม่ "อำไพ ยอดบุตร" 

          ณ วันนี้แม้เรื่องราวและข่าวคราวของ อโนเชาว์จะเริ่มเลือนหายไปจากสังคม แต่ชีวิตที่หลงเหลืออย่างไม่สมบูรณ์ของลูกชายไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิตของผู้เป็นแม่ ผู้ที่เฝ้าฟูมฟักเอาใจใส่ ทั้งๆที่แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาพูดคุยกับแม่ก็ไม่เคยมี ไม่มีแม้กระทั่งรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้แม่สู้ต่อไป แต่แม่คนนี้ก็ไม่หวั่นไหว ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับโลกแห่งความจริงที่โหดร้ายต่อไปด้วยความเชื่อมั่น สักวัน..ต้องมีปาฏิหาริย์ !?!

          "แม่จำได้ดีไม่มีวันลืมว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม 2526 เด็กที่กองถ่ายภาพยนตร์โทรศัพท์มาบอกแม่ที่บ้านว่า เปี๊ยกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่เชียงใหม่ ต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน เพราะศีรษะด้านซ้ายแตก ซึ่งตอนแรกที่รู้ใหม่ๆ แม่ก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ก็เป็นห่วงลูกเดินกระวนกระวายไม่ได้นอนทั้งคืน พอเช้าปั๊บก็รีบจับเครื่องบินไปลงที่เชียงใหม่ทันที พอไปถึงโรงพยาบาลลานนา ลูกออกจากห้องไอซียูแล้ว พอเห็นสภาพของลูกแม่ช็อกเลย ยืนตัวเย็นแข็งนิ่งพูดไม่ออก น้ำตาแม่ไหลตลอด รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆอยู่ที่ในอก ใจแม่ในตอนนั้นแทบสลาย สงสารลูกมาก หมอเขาใส่อะไรไม่รู้ระโยงระยางไปหมด รู้สึกมันวูบไปเลย" ...คุณแม่อำไพเล่าย้อนความหลังเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดกับลูกชาย 

          อโนเชาว์ถูกย้ายมารักษาตัวและผ่าตัดที่กรุงเทพฯในหลายโรงพยาบาล ทั้งที่โรงพยาบาลเปาโล ภูมิพล ที่สุดแพทย์ก็ให้นำตัวกลับมาพักฟื้นที่บ้าน เพราะอาการอย่างอื่นไม่มีอะไรแล้ว เพียงแต่ต้องรอให้สมองฟื้น ซึ่งคุณแม่อำไพบอกว่า แรกๆเลยก็มีความรู้สึกว่าลูกต้องหายแน่ๆ เพราะที่บ้านมีทั้งความรักและความอบอุ่นเต็มไปหมด การเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอสม่ำเสมอ การรักษาพยาบาล การทำกายภาพ บำบัด ให้ยา อาหาร และอาหารเสริม สำคัญคือเรื่องกำลังใจ ทุกคนในบ้านมีความหวังมากๆว่าต้องหายแน่ 

          คุณแม่อำไพเล่าให้ฟังถึงวิถีชีวิตในครอบครัวที่ต้องเปลี่ยนไปโดยปริยายเพราะต้องดูแลลูกชายว่า จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเพราะลูกตัวหนักมาก แม่ทำคนเดียวไม่ไหว อย่างเวลาลูกนอนอยู่บนเตียงเราต้องคอยพลิกตัวเขาอยู่เรื่อยๆ ปล่อยให้นอนเฉยๆไม่ได้เพราะจะเป็นโรคกดทับ และเวลาขับถ่ายเขาไม่รู้สึกตัว เราต้องช่วยเหลือเขาทุกอย่าง เวลาหิวหรือเจ็บปวดตรงไหนเราก็ไม่รู้ เพราะเขาจะไม่แสดงอาการ 

          "ความเป็นอยู่ประจำวันบนเตียงของลูกเปี๊ยกคือ แม่กับเด็กผู้ช่วยจะตื่นตอนตี 5 นำเขามาทำกายภาพบำบัด วันไหนมีเสมหะก็ต้องดูดออกก่อน เช็ดเนื้อเช็ดตัว และป้อนอาหารเหลวทางสายยางวันละ 5 เวลา ประกอบด้วย ไข่ไก่วันละ 7 ฟอง ปลา หมู ไก่ ผักก็มีฟักทอง มะเขือเทศ แครอท และผักใบเขียวต่างๆ นอกนั้นก็มีตับไก่ต้มจนเปื่อย บดแล้วกรองก่อนกรอกทางสายยางผ่านทางช่องจมูกสู่หลอด อาหาร ผลไม้ก็มีมะละกอ กล้วย มีน้ำส้ม โอวัลติน และมีอาหารเสริมทางการแพทย์เป็นกระป๋องอีก 3 เวลา หมอบอกว่าจะช่วยทำให้แข็งแรงขึ้น และคอยให้ยาตามที่หมอสั่ง พลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง วันเสาร์-อาทิตย์จะพิเศษหน่อยคือ เช้าขึ้นมาต้องจับตัวเขาใส่รถ ต้องคอยจับศีรษะเนื่องจากคอตั้งไม่อยู่ เอาออกไปสระผม ผมยาวก็ตัด อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น" 

          ถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลอโนเชาว์ คุณแม่อำไพบอกว่า รายจ่ายเยอะ อย่างเวลาเขาไม่สบายต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวที่บ้านครั้งละ 500 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 200-300 กว่าบาท ทั้งค่ายาและค่าอาหาร เดือนหนึ่งๆตก 10,000 กว่าบาท นี่ยังไม่รวมเวลาไปหาหมอในแต่ละครั้ง 

          "อโนเชาว์ก็ไม่มีเงินเก็บค่ะ เพราะเขาเพิ่งเล่นหนังได้ไม่นาน และสมัยก่อนเรื่องหนึ่งก็ได้เงินมานิดหนึ่ง ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ แต่ก็มีพี่ๆ เขาช่วยกัน แม่มีลูก 8 คน ชาย 5 หญิง 3 เปี๊ยกเป็นลูกชายคนสุดท้อง ใครมีเท่าไรก็ช่วยกันตามที่มี แม่ดีใจที่พี่น้องรักกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่มีลูกคนไหนบ่นหรือพูดจาทำให้พ่อแม่ช้ำใจ..." 

          คุณแม่อำไพยังเล่าอีกว่า บุคคลในวงการบันเทิงหลายๆคนก็ยังไม่ทอดทิ้งอโนเชาว์ ใครรักใครสงสารก็มาเยี่ยม-นำเงินมาช่วยเหลือ อย่าง จารุณี สุขสวัสดิ์, เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์, ราตรี วิทวัส, ดิลก ทองวัฒนา, ธรรมศักดิ์ สุริยน ฯลฯ ก็นำเงินมาช่วย ทาง โกวิท วัฒนกุล มาเยี่ยมเห็นแล้วสงสาร ขอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่จัดหาทุนสักก้อนให้อโนเชาว์ ทราบว่าได้ไปปรึกษากับ สมพงษ์-ภัทรภร วรรณภิญโญ เจ้าของทีวีธันเดอร์ เชิญดาราน้ำใจงาม เช่น ปิยะมาศ โมณยะกุล, ไกรลาศ เกรียงไกร, กันทิมา ดาราพันธ์ มาร่วมเล่นเกมในรายการมาสเตอร์คีย์นัดพิเศษ เพื่อน ๆ ดาราเขาพร้อมใจมอบรางวัลที่ได้ทั้งหมดให้เป็นทุนรักษาพยาบาลอโนเชาว์ ซึ่งทางคุณสมพงษ์ก็มอบเงินสมทบอีก 150,000 บาท

          "สังคมยังไม่ทอดทิ้งค่ะ และต้องขอโทษที่ยังมีอีกหลายคนช่วยเหลือ แต่แม่จำชื่อไม่ค่อยได้ เวลาที่มีคนมาเยี่ยมเขา แม่ก็เรียก เปี๊ยก..เปี๊ยก.. มีเพื่อนชื่อนั้นชื่อนี้มาเยี่ยม..จำได้ไหม เป็นการช่วยกระตุ้นสมองของเขาด้วย แต่ทุกครั้งที่เรียกเขาจะผวาเล็กน้อย แล้วก็ลืมตาโพลงสงบนิ่ง ไม่มีอาการตอบรับอะไรทั้งสิ้น เราก็ไม่ทราบว่าเขาได้ยินหรือเปล่า แต่ถ้าตื่นอยู่ตาก็จะลืม ถ้าหลับเปลือกตาจะปิด" 

          ด้วยน้ำตาที่นองหน้าระคนเสียงสะอื้น คุณแม่อำไพเปิดใจต่อไปว่า เปี๊ยกเป็นลูกชายคนเล็กที่แม่รักมาก ทุกเช้าค่ำแม่จะไหว้พระสวดมนต์ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เขาหาย แม้จะไม่ปกติเหมือนเดิม เรียกแม่ได้ แม่ก็ดีใจแล้ว หากนับอายุเขาตอนนี้ก็ได้ 43 ปี ตลอดเวลาที่ลูกนอนป่วยมาเกือบ 20 ปี แม่มีแต่ความรัก และความสงสารมอบให้เท่านั้น เพราะหากไม่มีแม่ ลูกคงไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ อยากจะฝากถึงคนในวงการบันเทิงว่า "หากยังไม่ลืมอโนเชาว์ก็มาเยี่ยมเยียนกันบ้าง" พ่อเขาก็ขี้โรค ป่วยเป็นความดัน โรคหัวใจ ช่วยอะไรไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว แม่เองก็เจ็บป่วย ปวดเข่า ปวดกระดูกตามประสาคนแก่ จะไปวันไหนก็ไม่รู้ "ตั้งแต่แรกเลยแม่หวังถึง 90% ว่าลูกต้องหาย แม้จะไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป พอวันเวลาผ่านไป 2-3 ปี ความหวังก็ลดลง 80% และก็หวังเพียงว่า แม้เขาจะไปแสดงหนังหรือทำงานอย่างอื่นไม่ได้ก็ช่างเถอะ..ขอให้เขาเรียกแม่ได้ ลุกขึ้นได้ เดินเหินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ก็พอแล้ว แต่เวลานี้ 18 ปีแล้ว ยอมรับว่าแม่สิ้นหวัง" 

          แต่ถึงจะสิ้นหวังก็ยังไม่สิ้นกำลังใจ... ความรู้สึกตอนนี้แม้ไม่หวังเพราะมันริบหรี่เต็มที แต่ลูกเรา..เราก็รัก ไม่อยากให้เขาเป็นอะไร ถึงจะไม่มีความหวังเราก็จะดูแลของเราอย่างดีที่สุด บางครั้งเคยคิดสลดใจ มองกลับกันว่า เอ๊ะ ! ชีวิตคนเราก็แปลกดีนะ อายุเราก็ปูนนี้แล้ว ลูกน่าจะเป็นผู้ดูแลเรายามแก่เฒ่า กลายเป็นว่าเราต้องคอยดูแลเขาเหมือนเด็กอ่อน 

          ก็ยังมีกังวลอยู่ว่าถ้าแม่ไม่อยู่แล้วใครจะมาดูแลเขาแทนแม่ แม่เป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะพี่ ๆ ทุกคนเขาทำงาน มีหน้าที่ เขามีครอบครัวมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ก็คงไม่เหมือนแม่ ภาวนาอยู่เสมอว่า ถ้าเป็นอะไรไปขอให้เป็นไปพร้อมๆกัน หรือให้เขาตายก่อนแม่ดีกว่า กลัวเขาจะลำบาก ใครจะมานั่งดูแลให้ 

          "แม่คิดว่าความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนคงไม่ต่างกัน หวังฝากผีฝากไข้ให้ลูกเลี้ยงดูแม่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นแม่จะต้องเลี้ยงดูลูก แต่เราก็ปลงได้นะคะ ก็นึกในทางที่เป็นกำลังใจให้ตัวเองว่า เวลาอ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือดูข่าวจากโทรทัศน์ คนอื่นก็เป็นเหมือนเราแหละ ทำให้ปลงได้...เรื่องแบบนี้ทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเรามันฝืนดวงชะตาไม่ได้ เบื้องบนเขากำหนดไว้อย่างไรก็ต้องไปตามนั้น..." 

          และไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คุณแม่อำไพของลูกชายผู้อาภัพ เจ้าชายนิทรา "อโนเชาว์ ยอดบุตร" ก็ย้ำด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าและเสียงสะอื้นจากในอกว่า... "แม้เขาจะไม่หาย ต้องเลี้ยงดูเขานานแค่ไหน ถ้าแม่มีชีวิตอยู่แม่ก็ไม่ทิ้ง...แม่จะขอดูของแม่ต่อไป" คุณแม่ผู้ที่หัวใจมิเคยหลอมละลายพ่ายแพ้ต่อชะตากรรม คุณแม่ผู้มีหัวใจแข็งแกร่งดุจเพชร........

          มาวันนี้ไม่มีแล้ว แม่ซึ่งหัวใจแข็งแกร่งดุจเพชรท่านนี้ เมื่อ นางอำไพ ยอดบุตร วัย 88 ปี มารดาของ นายอโนเชาว์ ยอดบุตร อดีตดาราดาวรุ่งชื่อดัง ได้สิ้นลมอย่างสงบแล้วด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 14 เมษายน 2555 หลังเข้ารับการรักษาตัวนานกว่า 2 สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ปิดฉากตำนาน “คุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่” ที่ดูแลดาราหนุ่มซึ่งตกอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรามานานถึง 28 ปี

          นางเอื้อนจิต ยอดบุตร บุตรสาวของนางอำไพ และพี่สาวของนายอโนชา กล่าวว่า มารดามีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ แต่ปลายปี 2554 มีอาการไอเรื้อรังจนเดือนกุมภาพันธ์ 2555 แพทย์ตรวจพบว่ามารดาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย จึงเข้ารับการรักษาเป็นระยะ ก่อนเข้าโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย มารดาบ่นกับลูกๆว่า รู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก ไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่พวกลูกๆไม่ยอมบอกว่ามารดาเป็นมะเร็งเพราะกลัวจะตกใจ จนมารดาเสียชีวิตในที่สุด

          "วันที่ 14 กรกฎาคมปีนี้ ลูกๆ ตั้งใจจะทำบุญวันเกิดครบ 89 ปี ให้แม่ แต่ก็ไม่ทัน ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่ทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ คือ 

..."อย่าทิ้งน้อง".... 

          แม่เป็นห่วงน้องมาก ซึ่งเราทุกคนก็จะช่วยกันดูแลน้องอย่างเต็มที่ โดยจะมีพี่เอื้อมพร ยอดบุตร ที่อยู่บ้านเดียวกับอโนเชาว์เป็นกำลังหลัก เพราะคนอื่นได้แยกย้ายกันไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว แต่ก็จะแวะมาเยี่ยมเยียนกันเป็นประจำ" นางเอื้อนจิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

          วันนี้ แม่อำไพคงได้ไปรอลูกชายที่ท่านรักมากบนสรวงสวรรค์แล้ว วันนึง...ทั้งสองคงได้มีโอกาสได้พบกัน ณ ดินแดนที่สวยงามบนฟ้านั้น ขอแสดงความนับถือ....ด้วยจิตคารวะครับ...

Thank : แนวหน้าออนไลน์ , ทีมงานวิถีชีวิต

................Toro Richclub................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น