ปัจจุบันนี้มีงานวิจัยเกี่ยวกับ ‘สมอง’ มามากมาย จนบางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับสมองหมดหรือไม่ วันนี้เราจึงนำสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสมองมาฝากกัน เอาละมีอะไรบ้าง ตามมาเลย!
1. สมองชอบสีสัน
ไม่ว่าจะเป็นปากกา กระดาษ หากมีสีสันที่สดใส ก็จะทำให้ช่วยให้เราจดจำได้มากและดียิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้สมองเกิดการกระตือรือร้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะ สีส้ม ที่สามารถช่วยกระตุ้นความตื่นตัวของสมอง ได้มากกว่าสีอื่น ดังนั้นหากต้องอ่านหนังสือหรือทำงาน การใช้ปากกาหรือไฮไลท์สีสดใสก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดี
2. สมองต้องการพักผ่อน
ไม่ว่าเราจะคอยกล่อมตัวเองบอกว่า ‘ยังไหว’ อย่างไรก็ตาม แต่ต้องอย่าลืมว่าสมองไม่ได้ไหวกับเราด้วย ดังนั้นหากเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ให้งีบพักสัก 20 นาที แล้วจึงค่อยกลับมาลุยสิ่งที่กำลังทำอยู่ใหม่อีกครั้งจะดีกว่า
ควรหาพื้นที่ที่สามารถทอดสายตาไปไกลๆ ได้ เพื่อความผ่อนคลายของสมอง และนอกจากนั้นสมองยังรักในความเรียบร้อยและสะอาด เคยมีการทดลองให้เด็กดูแลบ้านช่องให้สะอาด ปรากฎว่าทำให้เด็กเรียนเก่งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เริ่มทำความสะอาดและเก็บของกันได้แล้วพวกเรา!
3. สมองต้องการพลังงาน
สมองของคนเราหากเปรียบเทียบคงจะคล้ายกับเครื่องจักรที่ต้องการเชื้อเพลิงในการหล่อเลี้ยง ซึ่งสำหรับสมองแล้ว แหล่งพลังงานชั้นดีก็คือ อาหารที่มีคุณภาพและบำรุงสมอง เช่น ผักป๋วยเล้ง นอกจากอาหารดีๆ ที่เราควรเสริมเข้าไปแล้ว ยังต้องระวังการทานอาหารที่มีสารกันบูดเข้าไปอีกด้วย มีงานวิจัยในวารสารการแพทย์ประเทศอังกฤษว่า การทานสารกันบูดที่ผสมในอาหาร อาจเป็นสาเหตุให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไฮเปอร์ได้
4. สมองกลัวการขาดน้ำ
เครื่องจักรที่เรียกว่าสมองนี้ นอกจากจะใช้เชื้อเพลิงแล้ว ยังต้องการน้ำมันในการหล่อเลี้ยง และน้ำมันที่นี้ก็คือ ‘น้ำ’ นี่เอง เมื่อไรที่
ร่างกายขาดน้ำสมองก็จะมีปัญหา ถ้าอยากให้ร่างกายเกิดการกระตือรือร้น แนะนำว่าในหนึ่งวันให้ดื่มน้ำที่แตกต่างกัน อาทิ ช่วงเช้าเป็นกาแฟ ต่อด้วยน้ำแร่ น้ำผลไม้ และอาจจะมีชาจีนในช่วงบ่าย ความหลากหลายเหล่านี้จะช่วยให้เราไม่เบื่อและจำเจต่อการดื่มน้ำ
5. สมองสามารถเพ่งสมาธิได้แค่ 25 นาที
แม้ค่าเฉลี่ยนี้เป็นของผู้ใหญ่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าสมองของเราจะสามารถทำงานเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ได้เพียง 25 นาที หลังจากนั้น
ก็ควรจะพักสายตาจากการเพ่งสมาธินั้นบ้างประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยเริ่มกลับไปทำงานต่อ แต่อย่าถือเป็นข้ออ้างแล้วอู้งานล่ะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
6. สมองชอบให้ใช้
ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ไม่ใช้ความคิด คงไม่ต่างอะไรจากตายซาก สมองชอบที่จะคิด ชอบที่จะสงสัย เพราะฉะนั้นเราจึงควรหาคำถามป้อนเพื่อให้สมองได้ใช้งาน เช่น การเล่นเกมแนว Puzzleเกมsodoku บ้าง เพราะสมองก็เหมือนกล้ามเนื้อที่ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร ก็สามารถเสริมสมรรถภาพด้วยการฝึกหัด ด้วยการใช้ให้คิด ให้วิเคราะห์เยอะๆได้
7. สมองชอบมีปฎิกิริยากับร่างกาย
คิดง่ายๆ ว่าเมื่อไรที่ร่างกายของเราเหนื่อยล้า ขี้เกียจ ไม่อยากทำงานอะไร สมองก็จะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรากำลังทำไปด้วย ดังนั้นเวลาเรียนหรือทำงาน การนั่งตัวตรง มีท่าทางที่ตั้งใจ หรือลองลุกขึ้นมายืนทำงานดูบ้างก็จะช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของงานได้อย่างน่าประหลาดใจ และอาจจะใช้กลิ่นหอมจำพวกเครื่องเทศ เช่น มินท์ เลมอน เปลือกส้ม เพื่อให้สมองตื่นร่วมด้วยก็ได้ ซึ่งอโรม่ามีผลดีต่อการกระตุ้นสมอง
8. สมองจัดกลุ่ม จัดข้อมูล และเชื่อมโยงได้เก่ง
เรามักจะมองข้าม ความสามารถด้านการจัดกลุ่มของสมองไป ทำให้ไม่ค่อยที่จะพยายามเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าหากัน หากเรากำลังอ่านหนังสือหรือกำลังเรียน ถ้านำข้อมูลเก่าๆ ที่เคยผ่านมามาต่อยอดเชื่อมโยงถึงกัน เราก็จะสามารถจำเนื้อหาเหล่านั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น และการที่เราจะจำอะไรได้ดีนั้น ต้องอาศัยการตอกย้ำ เช่น เวลาเราเห็นอะไรแบบผ่านๆ ก็จะลืม ต้องเห็นบ่อยๆ ถึงจะจำได้ ดังนั้นหากเราต้องการจะจำอะไรแม่นจึงต้องอาศัยการท่องจำนั่นเอง ยิ่งไปว่านั้นสมองยังไม่ชอบความเครียด เพราะเมื่อไรที่เราเครียด ร่างกายหลังสารที่จะส่งผลต่อเซลล์สมองในส่วนที่ดูแลด้านความทรงจำ ซึ่งจะทำให้เรามีปัญหาเรื่องการจำนั้นเอง
9. สมองไม่รู้ว่าเราทำอะไรได้ อะไรไม่ได้
เพราะสมองไม่รู้ เราจึงต้องเป็นคนคิดว่าอะไรทำได้ อะไรไม่ได้ ด้วยการพูดบอกตนเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรพูดแต่สิ่งดีๆ พูดในทางที่ดี เพราะสมองชอบเรื่องด้านบวกไม่ว่าจะเป็นเรื่องขำขัน เรื่องล้อเล่น หรือเรื่องที่ทำให้อารมณ์ดี ไม่ว่าเรื่องไหนก็ช่วยให้สมองมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมทั้งนั้น อย่างคำที่ว่าสุขภาพจิตดีก็ย่อมทำให้ชีวิตดีไปด้วย
รู้เรื่องสมองกันไปแล้ว ก็นำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาสมองของเรากันต่อไปนะคะ ชีวิตเรามีเพียงแค่ชีวิตเดียวมาทำมันให้ดีที่สุดจะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
............................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น